วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

MDQ : Moon Dragon Quest บทที่ 1 เริ่มต้น VI

ดวงตาสีน้ำเงินที่หรี่ปรือจวนจะปิดพยายามฝืนลืมเพื่อจับภาพเบื้องล่าง... ร่างสามร่างกลางวงล้อมของผีเสื้อสีแดงพยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถ แม้จะเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ผีเสื้อเหล็กห้าตัวบินเฉี่ยวชูอาล้มลง – เดนนิสหันขวับแล้วชี้คทาไปยังเหล่าศัตรูก่อนที่สายฟ้าสีเงินจะพุ่งจากปลายคทาช็อตผีเสื้อพวกนั้นแหลกเป็นจุณ หากแต่ผีเสื้อไฟอีกสามตัวก็พุ่งมาระเบิดเข้ากลางหลังจนทรุด... ทั้งร่างสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด – พลองของเวนซ์บดขยี้ฝูงแมลงจนเละเป็นซากแต่สุดท้ายกลับต้องหลุดจากมือเจ้าของเมื่อคนผมสีน้ำตาลดำถูกผีเสื้อไฟฟ้าช็อตทั่วร่าง – ผีเสื้อมนตราโผนเข้าโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า กลิ่นเลือดและกลิ่นเนื้อไหม้เหม็นคละคลุ้งผสานกับเสียงกรีดร้องที่ค่อยๆแผ่วลงเรื่อยๆ มีเดียระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจก่อนจะควบคุมผีเสื้อเหล็กสามตัวให้พุ่งเข้าตัดขั้วหัวใจ – ปลิดชีพเหยื่อทั้งสามที่ถูกทรมานจนสาแก่ใจแล้ว...

“คุณเวนซ์! คุณชูอา! คุณเดนนิส!” ฟรานเซสตะโกนก้องราวจะขาดใจเมื่อพวกพ้องถูกพรากชีวิตไปต่อหน้าโดยไม่อาจช่วยเหลือ “ไม่นะ! ไม่! ไม่!!!”

“เห็นรึยัง...จุดจบของพวกไร้พลัง...ไม่ต่างอะไรกับหมาข้างถนน...” ลูซิเฟอร์เย้ยแล้วลุกขึ้นยืนข้างร่างอันสั่นระริกด้วยแรงสะอื้นและยื่นมือให้ “มาสิ...มาอยู่กับข้า...แล้วข้าจะมอบพลังที่จะทำให้เจ้าไม่ต้องสูญเสียสิ่งที่รักไปอีก...”

ฟรานเซสพยุงกายลุกขึ้นช้าๆทั้งก้มหน้า – เสียงสะอื้นขาดห้วงก่อนจะเงียบสนิท มือซ้ายกำดาบแน่นขณะที่มือขวายกยื่นไปหาอีกฝ่ายซึ่งกำลังเหยียดรอยยิ้มอย่างพอใจ...

“หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว!!!”

หมัดขวาอัดเข้าเต็มลิ่นปี่จนร่างลอย ฟรานเซสถอนหมัดปล่อยลูซิเฟอร์หล่นลงกองกับพื้น ดวงตาสีน้ำเงินวาวโรจน์ด้วยความเคียดแค้น ดาบในมือซ้ายเงื้อง่าเตรียมบั่นคอหากแต่อีกฝ่ายยกดาบของตัวเองมากันไว้ทัน ทั้งคู่เริ่มประดาบกันอย่างดุเดือดอีกครั้งจนภูเขาหินโดยรอบถล่มทลาย ฟรีเซียชะงักแหงนมองการต่อสู้ มีเดียควบคุมเหล่าผีเสื้อเป็นเบาะรองนั่งพาตัวเองลอยขึ้น...หญิงสาวนั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ราวภาพตรงหน้าคือมหรสพชั้นสูง บุรุษทั้งสองห้ำหั่นกันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ – สายพลังสองสีพุ่งปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า – ความเจ็บปวดและโลหิตที่พุ่งจากบาดแผลมิได้ทำให้การต่อสู้ลดความรุนแรงลงแม้แต่น้อย...

แบร์ สแมช!!!

แต่แล้ว ผู้อ่อนกว่าทั้งวัยวุฒิและประสบการณ์ก็เผลอเปิดช่องว่างจนถูกอีกฝ่ายจับฟาดลงกับพื้นเบื้องล่าง ลูซิเฟอร์พุ่งตามลงมาหาฟรานเซสที่ยังนอนหงายลุกไม่ขึ้น – หมายจะใช้ดาบในมือแทงเข้ากลางอกปลิดชีพศัตรูในครั้งเดียว...

“ตายซะ ไอ้หนู!!!”

“ฟรานซ์!!!”

ฉึก!!!

โลหิตสีแดงฉานพุ่งเปรอะใบหน้า ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างเมื่อดาบสีนิลถูกถอนออกไป ร่างร่างหนึ่งทรุดลงกับพื้น – ฟรานเซสรีบลุกไปประคองเธอขึ้นมากอดไว้แนบอก – เลือดอุ่นๆยังคงทะลักจากบาดแผลกลางอกของเธอคนนั้นอย่างไม่ขาดสาย ราวสัญญาณจากยมทูตที่บอกให้เขารู้ว่าคนในอ้อมแขนกำลังจะจากไปชั่วนิรันดร์

“ฟรีเซีย! ฟรีเซีย!!! อย่าทิ้งฉันไปนะ ฟรีเซีย! ฟรีเซีย!!!”

“ฟ...รานซ์” คนผมชมพูกระซิบ “ปลอดภัย...ใช่ไหม...”

“ฟรีเซีย...เธอมาบังฉันไว้ทำไม...เธอทำแบบนี้ทำไม...”

“ฉัน...รักเธอ...” เสียงของฟรีเซียยิ่งแผ่วค่อยลงอีก “ขอโทษนะ...ที่ฉัน...ไม่เคยได้...บอก...”

สิ้นคำ ศีรษะของเด็กสาวพลันซบไปอีกทาง ร่างกายไม่ตอบสนองสิ่งใดๆอีกต่อไปแม้อีกคนจะพร่ำเรียกชื่อและเขย่าร่างเธอเหมือนคนบ้า ลมหายใจที่หลุดลอยจากร่างแทบทำให้หัวใจของ ฟรานเซสหยุดเต้นตามไปด้วย...

“ฟรีเซีย... ฉันก็รักเธอ... ฉันรักเธอได้ยินไหม... ฟรีเซีย... ตื่นมาฟังฉันสิ... ฟรีเซีย... ฟรีเซีย!!!” น้ำใสๆรินลงมาจากดวงตาทั้งคู่ของคนที่หัวใจได้แตกสลายไปแล้วโดยไม่เหลือชิ้นดี... ทั้งร่างของธอธที่ไหม้ดำไม่เหลือเค้า – แผลฉกรรจ์กลางอกของอากิระ – กองเลือดขนาดใหญ่ของเหล่านักรบมังกร – ศพของเวนซ์ ชูอา เดนนิสที่เละเทะเต็มไปด้วยเลือด – และฟรีเซียในอ้อมกอดของเขา... ฟรานเซสร้องตะโกนสุดเสียงราวไม่อาจรับความสูญเสีย... เสียงสะอื้นไห้ดังก้องบนดาวเคราะห์อันแห้งแล้ง... ลูซิเฟอร์สืบเท้าเข้ามาใกล้หากแต่เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่สนใจจะต่อสู้อีกต่อไปแล้ว...

“พลังของเจ้ายังไม่พอ...”

“พลัง...ยังไม่พอ...” ฟรานเซสทวนคำเหมือนไม่รู้ตัว

“ผู้ที่ไร้พลังย่อมต้องพบกับความสูญเสีย...”

“ถ้าไร้พลัง...ก็ต้องสูญเสีย...” คนผมครามกระซิบ

“พลังของข้าจะช่วยให้เจ้าไม่ต้องสูญเสีย...แม้การคืนชีพให้หญิงของเจ้าก็สามารถทำได้...” บุรุษผมเทาว่า “หากไม่อยากสูญเสีย...ก็จงทำสัญญากับข้า”

“ทำ...สัญญา...”

“ลงเอ่ยนามของเจ้า”

“ฟรานเซส...เคลเบรอส...เอฟ เฟร็ด...ฟานิเซีย...”

“เจ้าต้องการพลังไหม...ฟรานเซส...”

“ต้องการ... พลัง... พลัง... ขอพลัง...” ฟรานเซสพึมพำ “ไม่เอาแล้ว... ไม่อยากสูญเสียอีกแล้ว...ความเจ็บปวดแบบนี้...ไม่เอาอีกแล้ว...”

ลูซิเฟอร์เหยียดรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ มือขวาแตะลงกลางศีรษะของเด็กหนุ่ม – มีเดียลอยมาหยุดข้างๆ... ริมฝีปากพึมพำบทมนตร์ – แสงสีดำสาดไปทั่วบริเวณจนสรรพสิ่งถูกปกคลุมด้วยความมืดสนิท...

...

ฉัวะ!

ตุบ!!!

“ทำ...ไม...” ชายหนุ่มพูดได้แค่นั้นเมื่อดาบสองซ้ำเข้ากลางลำคอปลิดชีพเหยื่อในชั่วอึดใจ ดวงตาสีน้ำเงินอันว่างเปล่าไร้ชีวิตยังจ้องค้างที่ดวงตาสีเดียวกันอย่างไม่เข้าใจ เจ้าของอาวุธมองตอบอย่างเย็นชาก่อนจะดีดนิ้วเรียกดาบอีกเล่มที่หลุดจากมือไปเมื่อครู่...

“อ่อนแอ...” มือสังหารเย้ยหยัน

“แหม...โหดจังเลยน้า...” มีเดียคุกเข่าลงข้างศพที่ตายังเบิกโพลงพลางส่ายหน้าช้าๆเหมือนเด็กที่ทำของเล่นชิ้นโปรดพัง

“โกรธรึไง”

“ก็เปล่านี่...” หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปหาร่างสูง – สองมือแตะลงบนไหล่ขวาของเขาแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “ข้าอยู่เคียงข้างผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเสมอ...”

คนผมครามกระตุกรอยยิ้มพอใจก่อนจะผละไปประคองอีกคนที่ยังสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนพื้นใกล้ๆขึ้นมา – แม้บาดแผลกลางอกจะสมานตัวจนหายสนิทและร่างนั้นกลับมาหายใจอีกครั้งหากแต่ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะลืมตาตื่น

“ทำไมเธอยังไม่ฟื้นอีก...” เด็กหนุ่มหันมาถามอีกคนอย่างเคลือบแคลง

“วิญญาณเพิ่งจะเข้าร่าง... ให้เวลานางหน่อยสิ...” มีเดียว่า “นางไม่ได้เถื่อนถึกแบบเจ้าหรอกนะ”

“นั่นสินะ...”

“แล้วนี่คิดจะทำอะไรต่อ”

“อุตส่าห์ให้ยืมกำลังรบทั้งทีก็ต้องกลับไปขอบคุณซะหน่อยสิ...” ดวงตาสีน้ำเงินปรายไปทางกองเลือดขนาดใหญ่บนพื้น รอยยิ้มเย้ยเหยียดแย้มบนวงหน้าคมคายของเด็กหนุ่มผู้มีผมสีครามดุจท้องทะเลยามค่ำคืนก่อนจะแปรเป็นเสียงหัวเราะที่กึกก้องไปทั่วทั้งแผ่นดินฟูราด...

...

**********************************************************

คิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ

ให้มันได้อย่างนี้สิ คิฮิฮิฮิฮิ

ขอบใจน้าที่มาอ่าน...เรื่องเวลาไม่เป็นไรหรอก แค่มาอ่านก็ดีใจแล้วจ้า...

ปล. แบร์ สแมช ก็ ประมาณการทุ่มด้วยมือเดียวน่ะ ต้องใช้พลังงาน+พลังเวทพอสมควรอยู่ทีเดียว นับเป็นสกิลหนึ่งของลูซิเฟอร์ ไคลด์
ปล.2 เกือบจบบทหนึ่งแล้วนะ...