วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

MDQ : Moon Dragon Quest บทที่ 1 เริ่มต้น IV

เพล้ง!

กรอบรูปบนโต๊ะข้างเตียงสองชั้นตกกระทบพื้นแตกกระจาย ทำเอาเด็กหญิงสองคนในห้องถึงกับสะดุ้งเฮือก ทั้งคู่ค่อยๆปีนบันไดเตียงลงมาอย่างระมัดระวังในจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวผมแดงพร้อมแก้วนมอุ่นสองแก้วเปิดประตูห้องเข้ามา

“แม่คะ...พี่อากิระ...รูปของพี่อากิระจู่ๆก็...” เด็กหญิงผมสั้นสีน้ำตาลทองละล่ำละลัก หญิงสาวผมแดงวางแก้วนมลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงเก็บกวาดเศษกระจกบนพื้น

“น้ามาเรียคะ...พวกคุณพ่อกับคุณแม่จะเป็นอะไรรึเปล่าคะ...” เด็กหญิงผมแกละอีกคนถาม

“พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ... ทุกคนจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน...” หญิงสาวฝืนยิ้มให้กำลังใจแล้วลุกไปหยิบแก้วนมอุ่นบนโต๊ะขึ้นมา “ดื่มนมแล้วรีบเข้านอนนะจ๊ะ พรุ่งนี้แม่จะพาทั้งโอกิ ทั้งคิโอะไปเที่ยวทะเลสาบภูติ ตกลงไหมจ๊ะ...”

“เย้! ขอบคุณค่ะ แม่ / น้ามาเรีย!” สองสาวตะโกนอย่างดีใจ ทั้งคู่วิ่งตื๋อมารับแก้วนมไปดื่มอึกๆก่อนจะปีนบันไดขึ้นไปนอนด้วยกันที่เตียงชั้นบน

“นึกถึงตอนไปเที่ยวทะเลสาบภูติคราวก่อนเนอะ...” เด็กหญิงผมแกละว่า

“ใช่ๆ ชาของพี่ธอธอร่อยมากเลย” อีกคนต่อ “พี่อากิระชอบแกล้งพี่ธอธ...บอกว่าชาไม่อร่อยทุกที”

“ถ้าหาแฟนได้ จะช่วยให้ชงชาอร่อยขึ้นจริงเหรอ...”

“อยากไปเที่ยวด้วยกันแบบนั้นอีกจังเลย...”

มาเรียเฝ้ามองเด็กทั้งสองจนกระทั่งผล็อยหลับ ดวงตาสีน้ำตาลทอดมองนางฟ้าน้อยๆบนเตียงนุ่มสบายอย่างเอ็นดู หญิงสาวเก็บแก้วนมและกรอบรูปบนพื้นขึ้นมา มือบางเอื้อมไปดับตะเกียงแล้วเดินออกจากห้อง...

“อากิระ...” มาเรียพิงหลังกับบานประตูก่อนจะอังมือไว้เหนือกรอบรูปปพลางพึมพำคาถา – เกิดแสงสีชาดสว่างวาบ – เศษกระจกเหล่านั้นลอยมาต่อกันและผสานเป็นเนื้อเดียวดังเดิม

“ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัยนะลูกนะ...” มาเรียกอดกรอบรูปนั้นไว้แนบอก “ทวยเทพทั้งหลาย...โปรดช่วยคุ้มครองพวกเขาด้วย...”

...

ของเหลวสีแดงฉานรินเอื่อยๆไปตามคมดาบ ทั้งเสื้อผ้าและใบหน้าเปรอะเปื้อนด้วยเลือดหากแต่ดวงตาสีเขียวมรกตกลับเบิกกว้างอย่างเจ็บปวด ร่างของลูซิเฟอร์ที่ถูกฟันขาดสะพายแล่งหงายหลังล้มลงและสลายเป็นเกลียวควัน ขณะที่ร่างจริงเบื้องหลังกำลังเหยียดรอยยิ้มเย้ย - ปลายของโซ่สีนิลในมือชุ่มโลหิตเมื่อส่วนกรวยแหลมแทงทะลุเข้ากลางอกมนุษย์ผู้ไม่รู้จักเจียมตน จ้าวตระกูลไคลด์กระชากโซ่กลับคืนส่งร่างของอากิระลอยละลิ่วตกจากหน้าผา...

“อากิระ!!!” เวนซ์ถลามารับลูกชายได้ทันก่อนจะกระแทกพื้น เลือดอุ่นๆที่ทะลักออกจากบาดแผลฉกรรจ์กลางอกอย่างไม่ขาดสายบอกให้ผู้เป็นบิดารู้ว่าเวลาของคนในอ้อมแขนกำลังหมดลงทุกขณะ “อากิระ! อากิระ อย่าตายนะลูก! อากิระ พูดกับพ่อ! อากิระ!!!”

“พ่อ...ครับ...” อากิระกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตก่อนที่ศีรษะได้รูปนั้นจะซบลงอีกทาง – ดวงตาสีเขียวมรกตปิดสนิท เวนซ์ทรุดตัวร่ำไห้กอดศพลูกชายอย่างไม่อายใคร เดนนิสกับชูอาตวัดสายตาขึ้นมองฆาตกรเลือดเย็นบนขอบผา... ดวงเนตรทั้งสองคู่โชนแสงเกลียดแค้น หากแต่เสียงหนึ่งหยุดคทาของเดนนิสที่กำลังจะปักลงตรงหน้าไว้ได้...

เสียงท่องบทเวทในภาษาแปลกหูดังรัวเร็วจากปากของนักรบมังกรทั้งสิบ - ร่างของนักรบหญิงเรืองแสงสีนิลขณะที่ฝ่ายชายเป็นสีขาว กายเนื้อสลายเป็นอณูแสงและมารวมกันเป็นมังกรตัวยาวสีขาวกับสีดำ สัตว์ในตำนานทั้งสองคำรามเสียงก้องก่อนจะพุ่งพันกันเข้าหาศัตรู เกลียวแสงสองสีหลอมรวมเป็นมังกรใหญ่สีเหลือบรุ้งดุจโอปอลเนื้อดี ผีเสื้อสีชาดตัวหนึ่งบินมาหยุดหน้าลูซิเฟอร์แล้วคืนร่างกลับเป็นสตรีในชุดแดงขลิบทอง นางชูมือทั้งสองขึ้นและสะบัดวาดมันลงเป็นวงกลมเรืองแสงสีเลือดขนาดใหญ่ ตรงกลางวงนั้นสั่นกระเพื่อมราวทะเลคลั่ง ผีเสื้อยักษ์สีเดียวกับวงเวทแทรกกายออกมาแล้วตรงเข้าเผชิญหน้าคู่ต่อสู้

ปีกบางใสสะบัดสร้างพายุขนาดย่อมๆล้อมราชาสัตว์อสูร มังกรใหญ่ฟาดปีกสีเดียวกับลำตัวหักล้างลมร้ายรอบตัวจนสิ้น ปากอ้ากว้างสาดลูกพลังสีขาวเข้าใส่ศัตรู ผีเสื้อยักษ์บินโฉบไปทางซ้ายหลบพลังทำลายเหล่านั้นได้อย่างเฉียดฉิวก่อนจะพ่นลูกไฟสวน...

...

บลาสต์ ออฟ!

คลื่นความโกรธกระแทกออกจากวงโซ่สลายพายุมีดสั้นให้กลายเป็นผุยผง อเลคโตเบิกตากว้างอย่างตกใจขณะที่ฟรีเซียก้าวเท้าออกมาจากกลุ่มควัน โซ่ยาวในมือลากระพื้น – ดวงตาสีทองคุกรุ่นไปด้วยเพลิงแค้น!

สวอร์ด!

อาวุธในมือบางขยับไหวเมื่อต้องมนตร์ก่อนจะลอยมาพันรัดตัวเองทบแล้วทบเล่า – เกิดประกายแสงสีชมพูพร่างพราวแล้วโซ่เส้นหนาก็แปรเปลี่ยนเป็นดาบเงินทรงเพรียวคมกริบ

“ออปชั่นเยอะเหลือเกินนะ...” อเลคโตว่า...มือขวาดีดนิ้วเรียกมีดสั้น – มือซ้ายแตะบนมีดพลางพึมพำคาถา พลันมีดกับมือขวาของเธอก็ผสานเป็นเนื้อเดียวและยืดยาวออกกลายเป็นดาบสีดำสนิท “ขอดูฝีมือของแกหน่อยเถอะ”

“รับมือ!” ฟรีเซียพุ่งตัวเข้าหาคู่ต่อสู้ – ดาบในมือฟาดลงหมายเป้าคือลำคอขาวๆ อีกฝ่ายยกดาบขึ้นกันแล้วสะบัดตัวออก – มือซ้ายสาดมีดสั้นอีกชุดเข้าใส่ คนผมชมพูควงดาบด้วยความเร็วสูงปัดพวกมันทิ้งได้หมด

แพลนท์ เคอร์เทน!

ฟรีเซียปักดาบลงกับพื้น – เส้นแสงสีเขียวอ่อนวิ่งตรงหาอเลคโตก่อนที่พื้นดินรอบๆนั้นจะสั่นไหว – เถาไม้นับร้อยงอกขึ้นล้อมศัตรูแล้วพุ่งเข้าใส่ทางนั้นทีทางนี้ทีดุจงูพิษ เหยื่อในวงล้อมฟาดอาวุธตัดพวกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ฟรีเซียกดดาบลึกขึ้น – ม่านเถาวัลย์ผุดขึ้นมาล้อมคู่ต่อสู้ไว้อีกชั้น เด็กสาวกระชับด้ามดาบไว้มั่นก่อนจะบิดมันไปทางขวา

สควีซ!!!

แผงเถาวัลย์ทั้งสองชั้นม้วนเกลียวขึ้นราวพายุทอร์นาโด พลางค่อยๆตีวงเข้าใกล้คนผมน้ำตาลซึ่งยังคงติดอยู่ข้างใน – ดุจอุ้งมือปีศาจที่พร้อมมอบความตายอันแสนทรมานแก่มนุษย์ตัวจ้อยที่หาญลองฤทธิ์... เสียงดังกรอบแกรบเหมือนกระดูกทั่วร่างแตกป่นดังลอดมาจากกรงมรณะ – ฟรีเซียมองมันด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะถอนดาบ – ม่านเถาไม้ค่อยๆจางหายและปล่อยสิ่งที่มันบดขยี้จนแหลกสลายลงกระทบพื้น...

เศษไม้!?

ภาพลวงตา...?

“ไร้สาระ...”

ฉัวะ!

คมดาบกรีดเฉียงเข้ากลางหลังส่งเลือดคาวให้กระจาย คนผมชมพูเซถลาไปด้านหน้า – ดาบในมือปักลงพื้นเพื่อประคองตัวไม่ให้ล้ม ดวงตาสีทองตวัดกลับไปมองเจ้าของการโจมตีซึ่งกำลังชี้อาวุธมาทางเธอ...

“คิดจะเอาชนะฉันด้วยวิธีพรรค์นั้นเหรอ... หึ หนูสกปรกก็ยังเป็นได้แค่หนูสกปรกวันยังค่ำ” อเลคโตแค่นหัวเราะ “รีบๆตามเพื่อนๆของแกไปลงนรกได้แล้ว!”

ดาบสีนิลฟาดลงหมายจะดับลมหายใจ – โดมใสผุดขึ้นจากพื้นหยุดอาวุธสังหารนั้นได้ทันเวลา ดวงตาสีดำเหยียดมองเกราะป้องกันของคนตรงหน้า มุมปากกระตุกขึ้นคล้ายจะยิ้มเยาะ

“ยังคิดจะดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์อีกเหรอ นังมนุษย์หน้าโง่!” อเลคโตฟาดดาบลงบนเกราะมนตร์ครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาสีนิลเบิกขึ้นอย่างสะใจเมื่อโดมใสตรงหน้าค่อยๆปริร้าวทุกครั้งที่เธอโจมตี ดวงตาสีทองของฟรีเซียจ้องเขม็งราวกำลังเพ่งสมาธิเพิ่มพลังให้เกราะบางๆที่คั่นระหว่างเธอกับความตาย...หากแต่ความจริงกลับเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังผู้มุ่งสังหาร...

“ตายซะเถอะ!”

เพล้ง!

ฉึก!!!

เกราะมนตร์แตกกระจายกลายเป็นเศษชิ้นบางใสราวแผ่นแก้ว และถูกย้อมด้วยโลหิตจากร่างมนุษย์ ฟรีเซียทรุดลงหายใจหอบ – มือซ้ายยกกุมบาดแผลบนไหล่ขวาซึ่งเลือดอุ่นๆยังซึมออกมาตามซอกนิ้ว อเลคโตยังคงยืนอยู่ที่เดิม – ดาบดำที่หลอมรวมเข้ากับแขนคลายออกแล้วตกลงกระทบพื้น ดวงตาสีนิลเบิกกว้างขณะที่ของเหลวสีแดงไหลย้อยลงมาจากมุมปาก เถาไม้ที่เสียบทะลุกลางหลังเข้าตัดขั้วหัวใจกระชากตัวออกและสลายไป ร่างของคนผมน้ำตาลกระตุกตามแรงแล้วล้มฟาดลงกับพื้น – เลือดคาวทะลักจากบาดแผลจนเจิ่งนอง ฟรีเซียใช้ดาบพยุงตัวให้หยัดยืนได้อีกครั้ง ดวงตาสีทองที่ปรายกลับมาจับที่ร่างไร้วิญญาณของศัตรูฉายแววเหมือนสงสารก่อนที่เจ้าตัวจะหันหลังเดินจากไป...

...

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

อัพแล้วเจ้าค่า...หายไปนานเลย ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ... อู...

1 ความคิดเห็น:

  1. ว้าวๆๆๆๆ

    แก้ก่อนๆ ^^"

    บรรทัดที่ 2 แก้วนมเนาะ ^^

    ว่าแต่ว่า ออฟชั่นเยอะจริงๆอ่าแหละ 55+

    สนุกดีนา สรุปว่า ฟรีเซีย ใช้มนตร์พืชหรอ เป็นอะไรที่สวยงามเนาะ ^^

    ว่าแต่ ต่อไปจะออกมาในรูปแบบ ซากุระ หรือว่า ดอกไม้กินคนดีล่ะ - -

    ซากุระ ดีกว่าเนาะ ^^"

    จำได้ว่า ฟรีเซีย(น่าจะ)เป็นนางเอก

    แล้ว ใคร(น่าจะ)เป็นพระเอกแล้วอะ = =

    ตอนนี้ ปอเต๊กตึ๊ง วิ่งกันว่อนละ - -

    แต่ดูท่าทาง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ยังคงต้องทำงานหนักกันต่อไป อิอิ

    อ้อ!!!

    จะบอกว่า นิยายของข้าวปุ้นเนี่ย เป็นอะไรที่ต้องใช้สมาธิในการอ่านสูง = =

    หลุดสมาธิ หลุดใจความ อ่านกันอีกครั้ง แบบนั้นกันเลยล่ะ

    แต่ก็ ใช้จินตนาการสูง ต้องคิดตาม จึงจะสนุก ^^

    ตอบลบ