วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2552

MDQ : Moon Dragon Quest บทนำ

สวัสดีฮับ...ตั้งแต่นี้ บล็อกนี้จะใช้เป็นที่ลงนิยายของเราแล้วนะ เนื่องจากมันจัดการง่ายกว่าไดอารี่เด็กดีอย่างมากมาย...งั้นก็มาอ่านกันเลยดีกว่าเนอะ...ยังไงก็ช่วยติ ช่วยชม ช่วยเม้นต์กันด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆจ้า มี๊~

บทนำ

"ตราบเท่าที่สุริยันยังเคลื่อนจากบูรพาไปยังประจิม... ตราบเท่าที่จันทรายังทอแสงนวลในยามราตรี... จะไม่มีผู้ใดสามารถรุกล้ำทำลายสถานที่อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเจ้าได้..."

เงาร่างของคนสองคนเคลื่อนกายอย่างเงียบกริบไปตามทางเดินหินอ่อนในคฤหาสน์ใหญ่ คนที่เดินนำคลำทางในความมืดอย่างชำนาญ ขณะที่คนเดินตามคอยมองซ้ายมองขวาระแวดระวังจนมาถึงห้องหนึ่งตรงสุดทาง คนหัวขบวนหมุนลูกบิดและผลักประตูออกช้าๆพลางส่งสัญญาณให้อีกคนนำไปก่อนแล้วจึงตามเข้าไป...บานไม้แกะสลักงับลงอย่างแผ่วเบา...

เพียงดีดนิ้ว... เทียนขาวนับสิบเล่มรอบห้องก็สว่างไสวส่องให้เห็นการตกแต่งสไตล์ยุโรป วอลเปเปอร์ลายเถากุหลาบสีชมพูและชั้นไม้วางของจุกจิกบอกให้รู้ว่าเจ้าของห้องเป็นผู้หญิง ตู้หนังสือขนาดใหญ่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานทอดตัวเต็มผนังด้านหนึ่ง ชุดโต๊ะเก้าอี้ทำจากไม้สักแกะลายวิจิตรวางอยู่ใกล้ๆ กลางห้องคือบ่อทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสองเมตรซึ่งถูกอาบด้วยแสงจันทร์ที่ลอดผ่านบานกระจกสูงจรดเพดานตรงข้ามกับประตู เจ้าของใช้มันสำหรับเลี้ยงปลาสวยงามรวมถึงกอบัวและพืชน้ำ อีกฟากหนึ่งเป็นที่ตั้งของแกรนด์เปียโนสีดำสนิท ในห้องไม่มีใครนอกจากพวกเขา... เด็กหญิงในชุดนอนสีฟ้าเข้ากับเรือนผมประบ่ายืนมองเด็กหนุ่มผมน้ำเงินวัยสิบหกปีในชุดเดินทางทะมัดทะแมงทับด้วยเสื้อคลุมสีดำถอดสลักหน้าต่างเล็กข้างชั้นหนังสือออกเบาๆ ก่อนจะผลักมันเปิดออกส่งลมเย็นๆของราตรีเข้าปะทะใบหน้า

“พี่เฟร็ด...” เด็กหญิงเรียก... ดวงตาสีดำเริ่มสั่นเหมือนจะร้องไห้ ดวงตาสีครามของพี่ชายหันมามองเธออย่างอ่อนโยนแล้วย่อตัวลงลูบศีรษะน้องสาว

“อย่าร้องไห้สิ...เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว” บุตรชายคนโตของตระกูลฟานิเซียพูด

“ให้หนูไปด้วยได้ไหมคะ...” คนผมฟ้าว่าหากแต่บุรุษในชุดเดินทางกลับส่ายหน้า

“ฟิกอายุแค่แปดขวบเอง...มันอันตรายมากนะ...”

“แต่หนูอยากจะช่วยพี่...”

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยปกปิดเรื่องนี้อย่าให้พวกคุณพ่อคุณแม่รู้จนกว่าพี่จะกลับมาได้ไหมคะ...” เด็กหนุ่มเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “พี่สัญญานะว่าเสร็จเรื่องแล้วจะกลับมาหาฟิกเป็นคนแรกเลย...”

“สัญญานะคะ พี่...” เด็กสาวตัวน้อยยกนิ้วก้อยขึ้นตรงหน้า คนตัวโตใช้นิ้วก้อยของตัวเกี่ยวเข้ากับนิ้วของน้องก่อนจะรับคำ

“ด้วยเกียรติของฟรานเซส เคลเบรอส เอฟ เฟร็ด ฟานิเซีย”

ฟรานเซสลุกขึ้นยืน เรือนผมสีน้ำเงินเหมือนทะเลยามค่ำคืนซึ่งมัดไว้ข้างหูสะบัดน้อยๆตามแรงลม ดวงตาสีครามมองออกไปนอกคฤหาสน์อย่างมุ่งมั่น ร่างสูงก้าวเท้าเหยียบกรอบหน้าต่างแล้วหันมายิ้มให้เด็กสาวอีกครั้ง

“พี่รักฟิกนะ...”

เด็กหนุ่มเหวี่ยงตัวทิ้งน้ำหนักลงบนอากาศว่างเปล่าของชั้นสาม ออร่าสีเดียวกับดวงตาปรากฏขึ้นและโอบประคองเขาให้ลอยข้ามกำแพงสูงและลงสู่พื้นโดยปลอดภัย ร่างในชุดนอนพึมพำอะไรบางอย่างในลำคอ... เกลียวควันสีนิลก่อตัวขึ้นช้าๆและพาตัวเธอขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับหน้าต่าง มือเล็กๆเอื้อมไปปิดมันพลางมองตามพี่ชายซึ่งกำลังวิ่งไปตามถนนหินและจมหายไปในความมืดของรัตติกาล เด็กน้อยควบคุมควันให้วางเธอลงก่อนจะดีดนิ้วสลายมัน ดวงตาสีฟ้าหลับลงอย่างมีความหวัง...ในใจกระหวัดคิดถึงรอยยิ้มแสนอบอุ่นของพี่...

โดยหารู้ไม่ว่านั่นจะเป็นรอยยิ้มสุดท้าย...

...

“ฟรานซ์...” เสียงหวานของสตรีดังขึ้นอย่างไม่แน่ใจ เจ้าของชื่อที่ยืนพิงต้นไม้อยู่หันควับและพบว่าคนที่เรียกเขาเป็นเด็กสาวดวงตาสีทองรุ่นราวคราวเดียวกัน ผมสีชมพูคลอเคลียบ่า ปอยผมเล็กๆสองปอยด้านหน้ายาวลงมาเสมออกร้อยลูกปัดข้างละสามเม็ด เธอสวมเสื้อรัดรูปและกระโปรงสั้นสีดำทับด้วยผ้าคลุมยาวมีฮู้ดกับบู๊ตส้นสูงยาวถึงเข่า ฟรานเซสมองเธอเหมือนยังไม่วางใจก่อนจะถาม

“น้องสาวของฉันชื่ออะไร”

“ฟิลาเดลเฟีย ฟีนิกซ์ พี ฟิก ฟานิเซีย... แถมยังติดพี่อย่างกับอะไรดี ตอนแรกฉันยังสงสัยเลยนะว่าเธอจะหลบแกออกมาได้ยังไง...” เด็กสาวตรงหน้าตอบยิ้มๆ “แล้วน้องสาวของฉันล่ะ...ชื่ออะไร...”

“โรซ่า ฟลอเร็ท... ขานั้นก็ติดเธอแจเหมือนกันนี่นา ฟรีเซีย” ฟรานเซสยิ้มออกมาเมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอคือคนที่เขารู้จัก “มาถึงนานรึยัง”

“เพิ่งมาเมื่อกี้... ไปกันเถอะ ธอธ คงรอพวกเราอยู่ที่ เบลลาทริกซ์ แล้ว” ฟรีเซียว่าแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อคลุม คนข้างตัวชะโงกมองอย่างสนใจ... สิ่งนั้นคือทรงกระบอกแบนทำด้วยแก้วใสขนาดเท่าฝ่ามือ ภายในปรากฏภาพจำลองของระบบดาราจักรพร้อมชื่อของดาวเคราะห์ทั้งหมด จุดสีแดงกระพริบแสดงตำแหน่งของพวกเขาที่ดาวที่มีชื่อว่า ซูเลเท็บ ในวงโคจรชั้นในสุด “อากาศปลอดโปร่ง...ไม่น่าจะมีปัญหา...วงโคจรกำลังดี พอรับพวกคุณชูอาที่ เมอร์ซิม แล้วก็ต่อไป เบลลาทริกซ์ ได้เลย...”

“อะไร...” เด็กสาวหันมองคนผมน้ำเงินที่กำลังจ้องหน้าเธอพร้อมรอยยิ้มบางๆชวนให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ

“ฉันก็แค่คิดว่า เธอมีอะไรให้ฉันทึ่งอยู่เรื่อย...”

“ไปกันได้แล้ว” ฟรีเซียรีบเก็บอุปกรณ์ในมือแล้วดีดนิ้วเป๊าะ... วงเวทเคลื่อนย้ายปรากฏขึ้นใต้เท้าของทั้งคู่ก่อนจะเรืองแสงนวลสีทอง ฟรานเซสเลื่อนมือมาจับมือเธอไว้...เด็กสาวก้มหน้าซ่อนนวลแก้มสีแดงเรื่อแล้วสองร่างก็หายไปจากถนนหิน...

...

แวบ!

“มากันแล้วเหรอ ฟรานเซส ฟรีเซีย” เด็กหนุ่มผมสีเทาสวมแว่นร้องทักเมื่อพวกเขาปรากฏตัวหน้าบ้านพักหลังหนึ่ง ฟรานเซสถามคำถามทดสอบกับเขาครู่หนึ่งก่อนจะจับมือกันอย่างยินดี เจ้าบ้านยิ้มให้ฟรีเซียรวมถึงคนสี่คนเบื้องหลังพวกเขาแล้วผายมือเชิญทุกคนเข้าบ้าน...

ในบ้านตกแต่งแบบเรียบง่ายตามประสาชายโสด โต๊ะกลมขนาดกลางมีเก้าอี้ไม้เข้าชุดกันสองตัววางสอดไว้ลวกๆที่กลางบ้าน ฝั่งซ้ายเป็นเตียงนอนและด้านตรงกันข้ามคือโซฟาหนานุ่มกับเตาผิง ห้องน้ำถูกแยกไว้มุมซ้ายด้านในติดกับเตียง ขณะที่มุมขวาเป็นครัวเล็กๆ เจ้าของสถานที่เชิญทุกคนนั่ง... เฟร็ดกับฟรีเซียนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ สองในสี่ผู้มาใหม่แยกมานั่งบนเตียง ส่วนอีกคู่จับจองพื้นที่โซฟา...

“ชาครับ...” คนผมเทาดีดนิ้วเป๊าะ... ถ้วยชาสีขาวขอบทองบรรจุน้ำสีทองอ่อนควันฉุยเจ็ดถ้วยพร้อมจานรองปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน

“รสห่วยเหมือนเดิมเลยว่ะ ธอธ... หาแฟนซักคนน่าจะช่วยได้นะ...” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลดำยุ่งเหยิงบนเตียงกระเซ้า

“อากิระ...” ชายหนุ่มผมสีเดียวกันข้างตัวปรามเสียงดุ...ดวงตาสีเขียวเข้มมองเขาอย่างตำหนิ

“ขอโทษครับ พ่อ” อากิระ พูดหากแต่ดวงตาสีมรกตยังคงวิบวับพลางลอบมองเพื่อนที่ยืนทำหน้าไม่ถูกพลางนึกขำ

“ไม่เป็นไรครับ คุณ เวนซ์... ผมจะคิดซะว่าถูกหมามันเห่าใส่...” ธอธหันไปยิ้มให้บุรุษผมน้ำตาลขณะที่อากิระหัวเราะเบาๆอย่างไม่ถือสา

“จริงสิ...คุณ เดนนิส แล้วคิโอะล่ะครับ” ฟรานเซสหันไปทางคู่บุรุษสตรีบนโซฟา

“ฝากไว้ที่บ้านเวนซ์นั่นแหละ... คงต้องรบกวนแล้วล่ะนะ...” ชายผมดำชี้นิ้วโป้งไปทางเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างลูกชายตรงอีกฟากห้อง

“นายกับ ชูอา ก็เหมือนครอบครัวของฉัน เรื่องแค่นี้เล็กน้อยน่า” เวนซ์ว่า “อีกอย่าง... คิโอะลูกนายกับโอกิลูกฉันเขาก็สนิทกัน ให้มาอยู่ด้วยกันจะได้ไม่เหงา”

“พวกเขามาแล้วค่ะ...” คนผมชมพูข้างเดนนิสพึมพำหลังจากหลับตาใช้สมาธิอยู่ครู่หนึ่ง...มีเสียงเคาะประตูก่อนที่ธอธจะเดินไปเปิดอย่างระแวดระวังเผยให้เห็นว่ากลุ่มผู้มาเยือนเป็นชายห้าคน หญิงห้าคน...ฝ่ายชายสวมชุดพอดีตัวสีขาวขณะที่ฝ่ายหญิงอยู่ในชุดทะมัดทะแมงสีดำ แต่ทุกคนมีสิ่งที่เหมือนกันคือดวงตาเรียวคมสีแดงและรอยสักรูปมังกรบนหลังมือขวา

“ท่านธอธ โอโรน่า... พวกเรามาในนามของท่าน มังกรตะวัน และท่าน มังกรแสงจันทร์ เพื่อเป็นกำลังให้กับท่าน” ชายคนหนึ่งก้าวเท้าออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าวก่อนพูด “พวกเรายินดีสละกระทั่งชีวิตเพื่อให้พวกท่านบรรลุเป้าหมาย...”

“ดาว ฟูราด โคจรเข้าเขตตรามนตร์เคลื่อนย้ายแล้วค่ะ...” ฟรีเซียว่าพลางก้มลงมองตลับทรงกระบอกแบนในมือเพื่อความแน่ใจ

“ไปกันได้แล้วล่ะ” เวนซ์ลุกขึ้นเดินนำทุกคนออกมานอกบ้านแล้วดีดนิ้วเรียกพลองเหล็กสีนิลคู่กาย อากิระชักดาบสีเงินปลาบจากฝักข้างเอว เดนนิสชูมือขึ้นรับคทาด้ามขาวหัวลูกแก้วสีฟ้าที่ปรากฏขึ้นในอากาศว่างเปล่า มือของชูอาเรืองแสงสีชมพูด้วยคลื่นพลังจิต ดาบคู่ของฟรานเซส กระชับในมือขณะที่โซ่เงินของฟรีเซียก็พร้อมโจมตี ธอธหยิบคันธนูรวมทั้งกระบอกบรรจุลูกธนูอาบยางไม้พิษซึ่งแขวนไว้ข้างประตูขึ้นพาดบ่าก่อนจะร่ายเวท... ตรามนตร์เคลื่อนย้ายแบบเดียวกับที่ฟรีเซียเคยใช้สว่างขึ้นใต้เท้าของทุกคน และพาเหล่าผู้กล้าไปสู่ภารกิจอันตรายที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต...

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เย้ๆ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น