วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

MDQ : Moon Dragon Quest บทที่ 1 เริ่มต้น VI

ดวงตาสีน้ำเงินที่หรี่ปรือจวนจะปิดพยายามฝืนลืมเพื่อจับภาพเบื้องล่าง... ร่างสามร่างกลางวงล้อมของผีเสื้อสีแดงพยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถ แม้จะเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ผีเสื้อเหล็กห้าตัวบินเฉี่ยวชูอาล้มลง – เดนนิสหันขวับแล้วชี้คทาไปยังเหล่าศัตรูก่อนที่สายฟ้าสีเงินจะพุ่งจากปลายคทาช็อตผีเสื้อพวกนั้นแหลกเป็นจุณ หากแต่ผีเสื้อไฟอีกสามตัวก็พุ่งมาระเบิดเข้ากลางหลังจนทรุด... ทั้งร่างสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด – พลองของเวนซ์บดขยี้ฝูงแมลงจนเละเป็นซากแต่สุดท้ายกลับต้องหลุดจากมือเจ้าของเมื่อคนผมสีน้ำตาลดำถูกผีเสื้อไฟฟ้าช็อตทั่วร่าง – ผีเสื้อมนตราโผนเข้าโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า กลิ่นเลือดและกลิ่นเนื้อไหม้เหม็นคละคลุ้งผสานกับเสียงกรีดร้องที่ค่อยๆแผ่วลงเรื่อยๆ มีเดียระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจก่อนจะควบคุมผีเสื้อเหล็กสามตัวให้พุ่งเข้าตัดขั้วหัวใจ – ปลิดชีพเหยื่อทั้งสามที่ถูกทรมานจนสาแก่ใจแล้ว...

“คุณเวนซ์! คุณชูอา! คุณเดนนิส!” ฟรานเซสตะโกนก้องราวจะขาดใจเมื่อพวกพ้องถูกพรากชีวิตไปต่อหน้าโดยไม่อาจช่วยเหลือ “ไม่นะ! ไม่! ไม่!!!”

“เห็นรึยัง...จุดจบของพวกไร้พลัง...ไม่ต่างอะไรกับหมาข้างถนน...” ลูซิเฟอร์เย้ยแล้วลุกขึ้นยืนข้างร่างอันสั่นระริกด้วยแรงสะอื้นและยื่นมือให้ “มาสิ...มาอยู่กับข้า...แล้วข้าจะมอบพลังที่จะทำให้เจ้าไม่ต้องสูญเสียสิ่งที่รักไปอีก...”

ฟรานเซสพยุงกายลุกขึ้นช้าๆทั้งก้มหน้า – เสียงสะอื้นขาดห้วงก่อนจะเงียบสนิท มือซ้ายกำดาบแน่นขณะที่มือขวายกยื่นไปหาอีกฝ่ายซึ่งกำลังเหยียดรอยยิ้มอย่างพอใจ...

“หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว!!!”

หมัดขวาอัดเข้าเต็มลิ่นปี่จนร่างลอย ฟรานเซสถอนหมัดปล่อยลูซิเฟอร์หล่นลงกองกับพื้น ดวงตาสีน้ำเงินวาวโรจน์ด้วยความเคียดแค้น ดาบในมือซ้ายเงื้อง่าเตรียมบั่นคอหากแต่อีกฝ่ายยกดาบของตัวเองมากันไว้ทัน ทั้งคู่เริ่มประดาบกันอย่างดุเดือดอีกครั้งจนภูเขาหินโดยรอบถล่มทลาย ฟรีเซียชะงักแหงนมองการต่อสู้ มีเดียควบคุมเหล่าผีเสื้อเป็นเบาะรองนั่งพาตัวเองลอยขึ้น...หญิงสาวนั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ราวภาพตรงหน้าคือมหรสพชั้นสูง บุรุษทั้งสองห้ำหั่นกันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ – สายพลังสองสีพุ่งปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า – ความเจ็บปวดและโลหิตที่พุ่งจากบาดแผลมิได้ทำให้การต่อสู้ลดความรุนแรงลงแม้แต่น้อย...

แบร์ สแมช!!!

แต่แล้ว ผู้อ่อนกว่าทั้งวัยวุฒิและประสบการณ์ก็เผลอเปิดช่องว่างจนถูกอีกฝ่ายจับฟาดลงกับพื้นเบื้องล่าง ลูซิเฟอร์พุ่งตามลงมาหาฟรานเซสที่ยังนอนหงายลุกไม่ขึ้น – หมายจะใช้ดาบในมือแทงเข้ากลางอกปลิดชีพศัตรูในครั้งเดียว...

“ตายซะ ไอ้หนู!!!”

“ฟรานซ์!!!”

ฉึก!!!

โลหิตสีแดงฉานพุ่งเปรอะใบหน้า ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างเมื่อดาบสีนิลถูกถอนออกไป ร่างร่างหนึ่งทรุดลงกับพื้น – ฟรานเซสรีบลุกไปประคองเธอขึ้นมากอดไว้แนบอก – เลือดอุ่นๆยังคงทะลักจากบาดแผลกลางอกของเธอคนนั้นอย่างไม่ขาดสาย ราวสัญญาณจากยมทูตที่บอกให้เขารู้ว่าคนในอ้อมแขนกำลังจะจากไปชั่วนิรันดร์

“ฟรีเซีย! ฟรีเซีย!!! อย่าทิ้งฉันไปนะ ฟรีเซีย! ฟรีเซีย!!!”

“ฟ...รานซ์” คนผมชมพูกระซิบ “ปลอดภัย...ใช่ไหม...”

“ฟรีเซีย...เธอมาบังฉันไว้ทำไม...เธอทำแบบนี้ทำไม...”

“ฉัน...รักเธอ...” เสียงของฟรีเซียยิ่งแผ่วค่อยลงอีก “ขอโทษนะ...ที่ฉัน...ไม่เคยได้...บอก...”

สิ้นคำ ศีรษะของเด็กสาวพลันซบไปอีกทาง ร่างกายไม่ตอบสนองสิ่งใดๆอีกต่อไปแม้อีกคนจะพร่ำเรียกชื่อและเขย่าร่างเธอเหมือนคนบ้า ลมหายใจที่หลุดลอยจากร่างแทบทำให้หัวใจของ ฟรานเซสหยุดเต้นตามไปด้วย...

“ฟรีเซีย... ฉันก็รักเธอ... ฉันรักเธอได้ยินไหม... ฟรีเซีย... ตื่นมาฟังฉันสิ... ฟรีเซีย... ฟรีเซีย!!!” น้ำใสๆรินลงมาจากดวงตาทั้งคู่ของคนที่หัวใจได้แตกสลายไปแล้วโดยไม่เหลือชิ้นดี... ทั้งร่างของธอธที่ไหม้ดำไม่เหลือเค้า – แผลฉกรรจ์กลางอกของอากิระ – กองเลือดขนาดใหญ่ของเหล่านักรบมังกร – ศพของเวนซ์ ชูอา เดนนิสที่เละเทะเต็มไปด้วยเลือด – และฟรีเซียในอ้อมกอดของเขา... ฟรานเซสร้องตะโกนสุดเสียงราวไม่อาจรับความสูญเสีย... เสียงสะอื้นไห้ดังก้องบนดาวเคราะห์อันแห้งแล้ง... ลูซิเฟอร์สืบเท้าเข้ามาใกล้หากแต่เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่สนใจจะต่อสู้อีกต่อไปแล้ว...

“พลังของเจ้ายังไม่พอ...”

“พลัง...ยังไม่พอ...” ฟรานเซสทวนคำเหมือนไม่รู้ตัว

“ผู้ที่ไร้พลังย่อมต้องพบกับความสูญเสีย...”

“ถ้าไร้พลัง...ก็ต้องสูญเสีย...” คนผมครามกระซิบ

“พลังของข้าจะช่วยให้เจ้าไม่ต้องสูญเสีย...แม้การคืนชีพให้หญิงของเจ้าก็สามารถทำได้...” บุรุษผมเทาว่า “หากไม่อยากสูญเสีย...ก็จงทำสัญญากับข้า”

“ทำ...สัญญา...”

“ลงเอ่ยนามของเจ้า”

“ฟรานเซส...เคลเบรอส...เอฟ เฟร็ด...ฟานิเซีย...”

“เจ้าต้องการพลังไหม...ฟรานเซส...”

“ต้องการ... พลัง... พลัง... ขอพลัง...” ฟรานเซสพึมพำ “ไม่เอาแล้ว... ไม่อยากสูญเสียอีกแล้ว...ความเจ็บปวดแบบนี้...ไม่เอาอีกแล้ว...”

ลูซิเฟอร์เหยียดรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ มือขวาแตะลงกลางศีรษะของเด็กหนุ่ม – มีเดียลอยมาหยุดข้างๆ... ริมฝีปากพึมพำบทมนตร์ – แสงสีดำสาดไปทั่วบริเวณจนสรรพสิ่งถูกปกคลุมด้วยความมืดสนิท...

...

ฉัวะ!

ตุบ!!!

“ทำ...ไม...” ชายหนุ่มพูดได้แค่นั้นเมื่อดาบสองซ้ำเข้ากลางลำคอปลิดชีพเหยื่อในชั่วอึดใจ ดวงตาสีน้ำเงินอันว่างเปล่าไร้ชีวิตยังจ้องค้างที่ดวงตาสีเดียวกันอย่างไม่เข้าใจ เจ้าของอาวุธมองตอบอย่างเย็นชาก่อนจะดีดนิ้วเรียกดาบอีกเล่มที่หลุดจากมือไปเมื่อครู่...

“อ่อนแอ...” มือสังหารเย้ยหยัน

“แหม...โหดจังเลยน้า...” มีเดียคุกเข่าลงข้างศพที่ตายังเบิกโพลงพลางส่ายหน้าช้าๆเหมือนเด็กที่ทำของเล่นชิ้นโปรดพัง

“โกรธรึไง”

“ก็เปล่านี่...” หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปหาร่างสูง – สองมือแตะลงบนไหล่ขวาของเขาแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “ข้าอยู่เคียงข้างผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเสมอ...”

คนผมครามกระตุกรอยยิ้มพอใจก่อนจะผละไปประคองอีกคนที่ยังสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนพื้นใกล้ๆขึ้นมา – แม้บาดแผลกลางอกจะสมานตัวจนหายสนิทและร่างนั้นกลับมาหายใจอีกครั้งหากแต่ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะลืมตาตื่น

“ทำไมเธอยังไม่ฟื้นอีก...” เด็กหนุ่มหันมาถามอีกคนอย่างเคลือบแคลง

“วิญญาณเพิ่งจะเข้าร่าง... ให้เวลานางหน่อยสิ...” มีเดียว่า “นางไม่ได้เถื่อนถึกแบบเจ้าหรอกนะ”

“นั่นสินะ...”

“แล้วนี่คิดจะทำอะไรต่อ”

“อุตส่าห์ให้ยืมกำลังรบทั้งทีก็ต้องกลับไปขอบคุณซะหน่อยสิ...” ดวงตาสีน้ำเงินปรายไปทางกองเลือดขนาดใหญ่บนพื้น รอยยิ้มเย้ยเหยียดแย้มบนวงหน้าคมคายของเด็กหนุ่มผู้มีผมสีครามดุจท้องทะเลยามค่ำคืนก่อนจะแปรเป็นเสียงหัวเราะที่กึกก้องไปทั่วทั้งแผ่นดินฟูราด...

...

**********************************************************

คิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ

ให้มันได้อย่างนี้สิ คิฮิฮิฮิฮิ

ขอบใจน้าที่มาอ่าน...เรื่องเวลาไม่เป็นไรหรอก แค่มาอ่านก็ดีใจแล้วจ้า...

ปล. แบร์ สแมช ก็ ประมาณการทุ่มด้วยมือเดียวน่ะ ต้องใช้พลังงาน+พลังเวทพอสมควรอยู่ทีเดียว นับเป็นสกิลหนึ่งของลูซิเฟอร์ ไคลด์
ปล.2 เกือบจบบทหนึ่งแล้วนะ...

วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2552

MDQ : Moon Dragon Quest บทที่ 1 เริ่มต้น V

สัตว์อสูรสองตัวโผนพุ่งปะทะกัน หากแต่ขนาดที่ต่างกันมากทำให้ผีเสื้อยักษ์กระเด็นถอยหลังไปกว่าห้าเมตร มังกรสีโอปอลลงยืนบนพื้นก่อนจะฟาดหางทรงพลังเข้ากลางร่างศัตรู – ผีเสื้อสีชาดร่อนหลบและบังคับหนวดสองข้างให้ยืดยาวออกแล้วพันรัดเข้ากับขาหน้าทั้งคู่ของศัตรู – ทั้งร่างเรืองแสงสีแดงด้วยมนตร์เสริมพลังของมีเดียก่อนที่มันจะออกแรงกระชากจนมังกรใหญ่ถึงกับเซถลามาข้างหน้า ราชาสัตว์อสูรรีบกระชากตัวกลับมาหยัดยืนอีกครั้ง ทั้งคู่ยื้อยุดกันอยู่นานจนในที่สุดฝ่ายหลังก็สามารถรวบรวมแรงเหวี่ยงผีเสื้อยักษ์ไปกระแทกเต็มๆกับผาหินใกล้ๆ – ตามด้วยลูกพลังสีขาวสามลูกที่จู่โจมเข้าจังร่างส่งฝุ่นควันให้ตลบคลุ้ง!

ม่านธุลีค่อยๆจางตัวเผยให้เห็นอสูรแมลงที่ถูกอัดติดหน้าผาจนหินโดยรอบแตกร้าว ร่างอันบอบช้ำบินโซซัดโซเซราวใกล้สิ้นแรง มังกรแห่งแสงสว่างบินโผเข้าหา – ปากใหญ่อ้ากว้างเตรียมขบกัดเพื่อดับลมหายใจ... มีเดียมองภาพอสูรบริวารของตนที่กำลังจะถูกปลิดชีพด้วยสายตาเย็นชาหากแต่ริมฝีปากกลับเหยียดรอยยิ้มปริศนา...

พรึ่บ!!!

คมเขี้ยวของมังกรคว้าได้เพียงอากาศว่างเปล่า เมื่อบริเวณเป้าหมายบนตัวศัตรูแหวกออกเป็นช่องว่าง ร่างใหญ่นั้นแตกตัวออกเป็นผีเสื้อสีแดงสดนับพันล้อมฝ่ายตรงข้าม ชูอาเบิกตากว้างอย่างนึกรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป...

เฟอร์โร!!!

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

ปีกเหล็กกล้าของเหล่าผีเสื้อตัดเฉือนผิวหนังมังกร ซึ่งเหนียวยิ่งกว่าสสารใดได้อย่างง่ายดายจากทุกทิศทุกทาง! นักรบมังกรทั้งสิบคลายร่างหลุดออกจากกัน เสียงกรีดร้องด้วยความทรมานแสนสาหัสดังสะท้อนทั่วบริเวณ ฝนโลหิตชโลมทาแผ่นดินจนแดงฉาน ศพทั้งสิบที่ถูกทำลายจนไม่เหลือเค้าเดิมตกลงสู่พื้นเหมือนตุ๊กตาพังๆที่ร่วงกราวลงจากชั้นก่อนจะสลายเป็นอณูแสง - ทิ้งไว้เพียงกองเลือดขนาดใหญ่บนพื้นและความสะใจของผู้ชนะ...

“แก!!!” เดนนิสปักคทาลงกับพื้น – เมฆฝนก่อตัวเหนือพวกลูซิเฟอร์ก่อนที่ลำสายฟ้าขนาดใหญ่นับสิบจะผ่าลงกลางเป้าหมาย – ชูอาอัดคลื่นพลังจิตเข้าซ้ำ – เวนซ์ประคองศพลูกชายลงบนพื้นแล้วร่วมต่อสู้ด้วย – พลองเหล็กสีนิลฟาดกับพื้นสร้างรอยร้าวยาวเป็นแนวจนถึงหน้าผาที่ศัตรูทั้งสองยืนอยู่ เสียงหินถล่มดังโครมครามหากแต่ผู้ถูกโจมตีควบคุมออร่ารอบตัวหนีออกมาได้ทัน สองร่างลอยอยู่กลางอากาศอย่างปลอดภัย แม้จะปรากฏแผลเล็กแผลน้อยตามตัวอยู่บ้างจากผลของคอมโบพลังเมื่อครู่...

“ของแค่นี้น่ะไม่มีทาง...”

ไนท์แมร์ เบลด!!!

เงาแสงรูปจันทร์เสี้ยวสีน้ำเงินครามพุ่งด้วยความเร็วสูงเข้าหาลูซิเฟอร์ ซึ่งยกมือซ้ายขึ้นรับได้ทัน ชายหนุ่มออกแรงบีบหมายจะขยี้ให้แหลกคามือหากแต่ดวงตาสีน้ำเงินกลับต้องเบิกกว้างเมื่อเงาแสงนั้นไม่ยอมหายไป ซ้ำยังบาดลึกเข้าในผิวเนื้อจนชายหนุ่มต้องสะบัดมันไปปะทะภูเขาหินเบื้องหลัง ดวงตาคมกริบตวัดมองเจ้าของมนตร์บนผาส่วนที่ยังไม่ถูกทำลาย – ผู้มีดวงตาสีเดียวกันมองตอบอย่างไม่กริ่งเกรง

“น่าสนุกดีนี่...” ลูซิเฟอร์ผละไปหาโจทก์เก่า – ฟรานเซสถ่มเลือดลงพื้นแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อม “มีเดีย...เก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย”

“เจ้าค่ะ” สตรีชุดแดงสะบัดมือพรึบ – ผีเสื้อร่วมพันตัวเมื่อครู่ลอยอ้อยอิ่งมาล้อมศัตรูทั้งสามจนหมดทางหนีรอดโดยสิ้นเชิง เวนซ์ ชูอา เดนนิสถอยหลังมาชนกันเป็นวงกลม – อาวุธในมือแต่ละคนกระชับแน่นอย่างไม่ยอมแพ้แม้จะรู้ดีว่านี่อาจเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย...

...

ไนท์แมร์ สครีม!!!

ฟรานเซสไขว้ดาบเข้าด้วยกันแล้วตวัดออกไปข้างๆ สร้างคลื่นเหนือเสียงพุ่งเป็นลำเข้าปะทะศัตรู ลูซิเฟอร์ร่อนหลบไปด้านข้าง – มือหนาเหวี่ยงโซ่ทำลายผาหินใต้เท้าคนผมน้ำเงิน ฟรานเซสลอยหนีด้วยพลังเวทก่อนจะโผนเข้าหาคู่ต่อสู้พลางพึมพำคาถา – คลื่นเงาสีน้ำเงินครามม้วนเกลียวช้าๆจากฝ่ามือเข้าต่อที่ปลายดาบ เสริมความยาวให้ดาบในมือจนเทียบเคียงอาวุธของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มฟาดอาวุธหมายจะตัดร่างลูซิเฟอร์ให้ขาดเป็นสามท่อนหากแต่เหยื่อกลับหายตัวไปในพริบตา!

“ยังอ่อนหัด!” ท่อนขาแข็งแรงประเคนเข้ากลางหลังส่งร่างฟรานเซสพุ่งปะทะผาหินหากแต่เด็กหนุ่มกลับตัวกลางอากาศแล้วพุ่งถีบตัวออกมาอีกครั้ง ลูซิเฟอร์เหวี่ยงโซ่ออกไปอีก – คู่ต่อสู้ไขว้ดาบขัดอาวุธปีศาจไว้ได้ทัน – คนผมน้ำเงินพึมพำอะไรบางอย่างก่อนที่คลื่นเงาบนดาบจะอ่อนตัวลงและพันรัดกับโซ่สีนิล จ้าวตระกูลไคลด์รีบกระชากโซ่กลับหากแต่ไร้ผล...

“แหลกไปซะ! ลูซิเฟอร์!!!”

ชาโดว์ บรัสท์!!!

เงาสีน้ำเงินหลุดจากปลายดาบ – ฟรานเซสลอยไปแลนดิ้งบนยอดผาใกล้ๆอย่างปลอดภัยขณะที่หมอกมนตร์นั้นเรืองแสงวาบก่อนจะระเบิดทั้งตัวเองทั้งอาวุธของลูซิเฟอร์ไปพร้อมกัน ชายหนุ่มรีบสะบัดมันทิ้งก่อนเปลวไฟจะลามมาถึงตัวแล้วลงยืนบนยอดผาตรงข้ามศัตรู – เศษเหล็กที่บิดงอเพราะความร้อนร่วงกราวลงสู่พื้นไม่ต่างกับฝนดาวตก

“แสบนักนะ ไอ้หนู...” ลูซิเฟอร์สะบัดผ้าคลุมทิ้งแล้วชักดาบสีนิลจากฝักคาดเอวออกมากำแน่นในมือ บุรุษผมเทาตวัดอาวุธเกิดเป็นรัศมีแสงสีเดียวกับดาบตรงเข้าทำลายยอดผาที่อีกคนยืนอยู่ ฟรานเซสกระโดดหลบหากแต่ดาบจริงของลูซิเฟอร์พุ่งตามมาบาดแขนขวาเป็นแผลลึก – ดาบสีเงินหลุดจากมือตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง ลูซิเฟอร์วกกลับกลางอากาศแล้วพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง – ฟรานเซสยกดาบที่เหลืออีกเล่มขึ้นกัน เกิดประกายไฟแลบแปลบปลาบทุกครั้งที่โลหะปะทะโลหะ ทั้งคู่ประดาบกันอย่างสูสีจนยากจะตัดสินผลแพ้ชนะ...

“ยอดเยี่ยมมาก... ข้าไม่ได้ประดาบกับยอดฝีมือเช่นเจ้ามานานแล้ว...” ชายหนุ่มว่า “เรื่องมาเป็นพวกเดียวกับข้า...ไม่ลองคิดดูอีกครั้งรึ...”

“หุบปากซะ!”

“เราเหมือนกัน เจ้าหนุ่ม...ข้ารู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตากับเจ้า...” ลูซิเฟอร์พูด “เราต่างมีสิ่งสำคัญที่ต้องปกป้อง เพื่อการนั้นจึงจำเป็นต้องมีพลัง...พลังที่มากพอจะปกป้องสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ให้ได้...”

“หยุดนะ!”

“เพื่อพลังที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ต้องไขว่คว้าให้มาอยู่ในมือ... เพื่อพลังที่ยิ่งใหญ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเลือกวิธีการ!”

“ฉันบอกให้หยุดพูด!!!”

ไนท์แมร์ บอล!

ลูกพลังสีดำส่งจากมือข้างขวาอัดเข้ากลางลำตัวศัตรู ลูซิเฟอร์ถึงกับกระอักเลือดแล้วลอยละลิ่วตามแรงปะทะไปกระแทกกับพื้นบนยอดผา ชายหนุ่มลุกขึ้นปาดเลือดที่ปากแล้วเหยียดรอยยิ้มพอใจที่แผนสงครามประสาทได้ผล

“พลังอันยิ่งใหญ่อย่างนั้นเหรอ... เพื่อสิ่งนั้นถึงกับต้องวางแผนฆ่าคนมากมาย วิธีการสกปรกพรรค์นั้น ฉันยอมรับไม่ได้หรอก!” ฟรานเซสพุ่งดาบมาอีกครั้งหากแต่อีกคนกลับเอี้ยวตัวหลบได้อย่างง่ายดาย

“คิดอย่างนั้นจริงเหรอ...” มือหนาคว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนซ้ายของฟรานเซส “ลมหายใจปั่นป่วนไปหมดเลยนะ...คำพูดของข้าคงแทงใจเจ้าสิท่า...”

แบร์ สแมช!!!

ร่างของเด็กหนุ่มผมน้ำเงินถูกเหวี่ยงด้วยมือข้างเดียวกระแทกกับหน้าผา จนเกิดรอยร้าวลามโดยรอบคล้ายใยแมงมุม ลูซิเฟอร์บินไปกระชากร่างอันบอบช้ำนั้นออกมาแล้วฟาดลงให้หน้ากระแทกกับพื้นหินบนขอบผาจนกระอัก จ้าวตระกูลไคลด์ร่อนลงช้าๆแล้วนั่งทับลงกลางหลังฟรานเซสราวอีกฝ่ายเป็นเบาะรองชั้นดี มือหนาจิกผมศัตรูให้เงยขึ้นรับรู้เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่เบื้องล่าง...

“ดูซะ...จุดจบของพวกหนูที่ไร้พลัง...จงดูให้เต็มทั้งสองตา...จงดูซะ!”

**********************************************************

หึหึ บทหน้าเห็นเลือดแน่ คิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

MDQ : Moon Dragon Quest บทที่ 1 เริ่มต้น IV

เพล้ง!

กรอบรูปบนโต๊ะข้างเตียงสองชั้นตกกระทบพื้นแตกกระจาย ทำเอาเด็กหญิงสองคนในห้องถึงกับสะดุ้งเฮือก ทั้งคู่ค่อยๆปีนบันไดเตียงลงมาอย่างระมัดระวังในจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวผมแดงพร้อมแก้วนมอุ่นสองแก้วเปิดประตูห้องเข้ามา

“แม่คะ...พี่อากิระ...รูปของพี่อากิระจู่ๆก็...” เด็กหญิงผมสั้นสีน้ำตาลทองละล่ำละลัก หญิงสาวผมแดงวางแก้วนมลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงเก็บกวาดเศษกระจกบนพื้น

“น้ามาเรียคะ...พวกคุณพ่อกับคุณแม่จะเป็นอะไรรึเปล่าคะ...” เด็กหญิงผมแกละอีกคนถาม

“พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ... ทุกคนจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน...” หญิงสาวฝืนยิ้มให้กำลังใจแล้วลุกไปหยิบแก้วนมอุ่นบนโต๊ะขึ้นมา “ดื่มนมแล้วรีบเข้านอนนะจ๊ะ พรุ่งนี้แม่จะพาทั้งโอกิ ทั้งคิโอะไปเที่ยวทะเลสาบภูติ ตกลงไหมจ๊ะ...”

“เย้! ขอบคุณค่ะ แม่ / น้ามาเรีย!” สองสาวตะโกนอย่างดีใจ ทั้งคู่วิ่งตื๋อมารับแก้วนมไปดื่มอึกๆก่อนจะปีนบันไดขึ้นไปนอนด้วยกันที่เตียงชั้นบน

“นึกถึงตอนไปเที่ยวทะเลสาบภูติคราวก่อนเนอะ...” เด็กหญิงผมแกละว่า

“ใช่ๆ ชาของพี่ธอธอร่อยมากเลย” อีกคนต่อ “พี่อากิระชอบแกล้งพี่ธอธ...บอกว่าชาไม่อร่อยทุกที”

“ถ้าหาแฟนได้ จะช่วยให้ชงชาอร่อยขึ้นจริงเหรอ...”

“อยากไปเที่ยวด้วยกันแบบนั้นอีกจังเลย...”

มาเรียเฝ้ามองเด็กทั้งสองจนกระทั่งผล็อยหลับ ดวงตาสีน้ำตาลทอดมองนางฟ้าน้อยๆบนเตียงนุ่มสบายอย่างเอ็นดู หญิงสาวเก็บแก้วนมและกรอบรูปบนพื้นขึ้นมา มือบางเอื้อมไปดับตะเกียงแล้วเดินออกจากห้อง...

“อากิระ...” มาเรียพิงหลังกับบานประตูก่อนจะอังมือไว้เหนือกรอบรูปปพลางพึมพำคาถา – เกิดแสงสีชาดสว่างวาบ – เศษกระจกเหล่านั้นลอยมาต่อกันและผสานเป็นเนื้อเดียวดังเดิม

“ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัยนะลูกนะ...” มาเรียกอดกรอบรูปนั้นไว้แนบอก “ทวยเทพทั้งหลาย...โปรดช่วยคุ้มครองพวกเขาด้วย...”

...

ของเหลวสีแดงฉานรินเอื่อยๆไปตามคมดาบ ทั้งเสื้อผ้าและใบหน้าเปรอะเปื้อนด้วยเลือดหากแต่ดวงตาสีเขียวมรกตกลับเบิกกว้างอย่างเจ็บปวด ร่างของลูซิเฟอร์ที่ถูกฟันขาดสะพายแล่งหงายหลังล้มลงและสลายเป็นเกลียวควัน ขณะที่ร่างจริงเบื้องหลังกำลังเหยียดรอยยิ้มเย้ย - ปลายของโซ่สีนิลในมือชุ่มโลหิตเมื่อส่วนกรวยแหลมแทงทะลุเข้ากลางอกมนุษย์ผู้ไม่รู้จักเจียมตน จ้าวตระกูลไคลด์กระชากโซ่กลับคืนส่งร่างของอากิระลอยละลิ่วตกจากหน้าผา...

“อากิระ!!!” เวนซ์ถลามารับลูกชายได้ทันก่อนจะกระแทกพื้น เลือดอุ่นๆที่ทะลักออกจากบาดแผลฉกรรจ์กลางอกอย่างไม่ขาดสายบอกให้ผู้เป็นบิดารู้ว่าเวลาของคนในอ้อมแขนกำลังหมดลงทุกขณะ “อากิระ! อากิระ อย่าตายนะลูก! อากิระ พูดกับพ่อ! อากิระ!!!”

“พ่อ...ครับ...” อากิระกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตก่อนที่ศีรษะได้รูปนั้นจะซบลงอีกทาง – ดวงตาสีเขียวมรกตปิดสนิท เวนซ์ทรุดตัวร่ำไห้กอดศพลูกชายอย่างไม่อายใคร เดนนิสกับชูอาตวัดสายตาขึ้นมองฆาตกรเลือดเย็นบนขอบผา... ดวงเนตรทั้งสองคู่โชนแสงเกลียดแค้น หากแต่เสียงหนึ่งหยุดคทาของเดนนิสที่กำลังจะปักลงตรงหน้าไว้ได้...

เสียงท่องบทเวทในภาษาแปลกหูดังรัวเร็วจากปากของนักรบมังกรทั้งสิบ - ร่างของนักรบหญิงเรืองแสงสีนิลขณะที่ฝ่ายชายเป็นสีขาว กายเนื้อสลายเป็นอณูแสงและมารวมกันเป็นมังกรตัวยาวสีขาวกับสีดำ สัตว์ในตำนานทั้งสองคำรามเสียงก้องก่อนจะพุ่งพันกันเข้าหาศัตรู เกลียวแสงสองสีหลอมรวมเป็นมังกรใหญ่สีเหลือบรุ้งดุจโอปอลเนื้อดี ผีเสื้อสีชาดตัวหนึ่งบินมาหยุดหน้าลูซิเฟอร์แล้วคืนร่างกลับเป็นสตรีในชุดแดงขลิบทอง นางชูมือทั้งสองขึ้นและสะบัดวาดมันลงเป็นวงกลมเรืองแสงสีเลือดขนาดใหญ่ ตรงกลางวงนั้นสั่นกระเพื่อมราวทะเลคลั่ง ผีเสื้อยักษ์สีเดียวกับวงเวทแทรกกายออกมาแล้วตรงเข้าเผชิญหน้าคู่ต่อสู้

ปีกบางใสสะบัดสร้างพายุขนาดย่อมๆล้อมราชาสัตว์อสูร มังกรใหญ่ฟาดปีกสีเดียวกับลำตัวหักล้างลมร้ายรอบตัวจนสิ้น ปากอ้ากว้างสาดลูกพลังสีขาวเข้าใส่ศัตรู ผีเสื้อยักษ์บินโฉบไปทางซ้ายหลบพลังทำลายเหล่านั้นได้อย่างเฉียดฉิวก่อนจะพ่นลูกไฟสวน...

...

บลาสต์ ออฟ!

คลื่นความโกรธกระแทกออกจากวงโซ่สลายพายุมีดสั้นให้กลายเป็นผุยผง อเลคโตเบิกตากว้างอย่างตกใจขณะที่ฟรีเซียก้าวเท้าออกมาจากกลุ่มควัน โซ่ยาวในมือลากระพื้น – ดวงตาสีทองคุกรุ่นไปด้วยเพลิงแค้น!

สวอร์ด!

อาวุธในมือบางขยับไหวเมื่อต้องมนตร์ก่อนจะลอยมาพันรัดตัวเองทบแล้วทบเล่า – เกิดประกายแสงสีชมพูพร่างพราวแล้วโซ่เส้นหนาก็แปรเปลี่ยนเป็นดาบเงินทรงเพรียวคมกริบ

“ออปชั่นเยอะเหลือเกินนะ...” อเลคโตว่า...มือขวาดีดนิ้วเรียกมีดสั้น – มือซ้ายแตะบนมีดพลางพึมพำคาถา พลันมีดกับมือขวาของเธอก็ผสานเป็นเนื้อเดียวและยืดยาวออกกลายเป็นดาบสีดำสนิท “ขอดูฝีมือของแกหน่อยเถอะ”

“รับมือ!” ฟรีเซียพุ่งตัวเข้าหาคู่ต่อสู้ – ดาบในมือฟาดลงหมายเป้าคือลำคอขาวๆ อีกฝ่ายยกดาบขึ้นกันแล้วสะบัดตัวออก – มือซ้ายสาดมีดสั้นอีกชุดเข้าใส่ คนผมชมพูควงดาบด้วยความเร็วสูงปัดพวกมันทิ้งได้หมด

แพลนท์ เคอร์เทน!

ฟรีเซียปักดาบลงกับพื้น – เส้นแสงสีเขียวอ่อนวิ่งตรงหาอเลคโตก่อนที่พื้นดินรอบๆนั้นจะสั่นไหว – เถาไม้นับร้อยงอกขึ้นล้อมศัตรูแล้วพุ่งเข้าใส่ทางนั้นทีทางนี้ทีดุจงูพิษ เหยื่อในวงล้อมฟาดอาวุธตัดพวกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ฟรีเซียกดดาบลึกขึ้น – ม่านเถาวัลย์ผุดขึ้นมาล้อมคู่ต่อสู้ไว้อีกชั้น เด็กสาวกระชับด้ามดาบไว้มั่นก่อนจะบิดมันไปทางขวา

สควีซ!!!

แผงเถาวัลย์ทั้งสองชั้นม้วนเกลียวขึ้นราวพายุทอร์นาโด พลางค่อยๆตีวงเข้าใกล้คนผมน้ำตาลซึ่งยังคงติดอยู่ข้างใน – ดุจอุ้งมือปีศาจที่พร้อมมอบความตายอันแสนทรมานแก่มนุษย์ตัวจ้อยที่หาญลองฤทธิ์... เสียงดังกรอบแกรบเหมือนกระดูกทั่วร่างแตกป่นดังลอดมาจากกรงมรณะ – ฟรีเซียมองมันด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะถอนดาบ – ม่านเถาไม้ค่อยๆจางหายและปล่อยสิ่งที่มันบดขยี้จนแหลกสลายลงกระทบพื้น...

เศษไม้!?

ภาพลวงตา...?

“ไร้สาระ...”

ฉัวะ!

คมดาบกรีดเฉียงเข้ากลางหลังส่งเลือดคาวให้กระจาย คนผมชมพูเซถลาไปด้านหน้า – ดาบในมือปักลงพื้นเพื่อประคองตัวไม่ให้ล้ม ดวงตาสีทองตวัดกลับไปมองเจ้าของการโจมตีซึ่งกำลังชี้อาวุธมาทางเธอ...

“คิดจะเอาชนะฉันด้วยวิธีพรรค์นั้นเหรอ... หึ หนูสกปรกก็ยังเป็นได้แค่หนูสกปรกวันยังค่ำ” อเลคโตแค่นหัวเราะ “รีบๆตามเพื่อนๆของแกไปลงนรกได้แล้ว!”

ดาบสีนิลฟาดลงหมายจะดับลมหายใจ – โดมใสผุดขึ้นจากพื้นหยุดอาวุธสังหารนั้นได้ทันเวลา ดวงตาสีดำเหยียดมองเกราะป้องกันของคนตรงหน้า มุมปากกระตุกขึ้นคล้ายจะยิ้มเยาะ

“ยังคิดจะดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์อีกเหรอ นังมนุษย์หน้าโง่!” อเลคโตฟาดดาบลงบนเกราะมนตร์ครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาสีนิลเบิกขึ้นอย่างสะใจเมื่อโดมใสตรงหน้าค่อยๆปริร้าวทุกครั้งที่เธอโจมตี ดวงตาสีทองของฟรีเซียจ้องเขม็งราวกำลังเพ่งสมาธิเพิ่มพลังให้เกราะบางๆที่คั่นระหว่างเธอกับความตาย...หากแต่ความจริงกลับเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังผู้มุ่งสังหาร...

“ตายซะเถอะ!”

เพล้ง!

ฉึก!!!

เกราะมนตร์แตกกระจายกลายเป็นเศษชิ้นบางใสราวแผ่นแก้ว และถูกย้อมด้วยโลหิตจากร่างมนุษย์ ฟรีเซียทรุดลงหายใจหอบ – มือซ้ายยกกุมบาดแผลบนไหล่ขวาซึ่งเลือดอุ่นๆยังซึมออกมาตามซอกนิ้ว อเลคโตยังคงยืนอยู่ที่เดิม – ดาบดำที่หลอมรวมเข้ากับแขนคลายออกแล้วตกลงกระทบพื้น ดวงตาสีนิลเบิกกว้างขณะที่ของเหลวสีแดงไหลย้อยลงมาจากมุมปาก เถาไม้ที่เสียบทะลุกลางหลังเข้าตัดขั้วหัวใจกระชากตัวออกและสลายไป ร่างของคนผมน้ำตาลกระตุกตามแรงแล้วล้มฟาดลงกับพื้น – เลือดคาวทะลักจากบาดแผลจนเจิ่งนอง ฟรีเซียใช้ดาบพยุงตัวให้หยัดยืนได้อีกครั้ง ดวงตาสีทองที่ปรายกลับมาจับที่ร่างไร้วิญญาณของศัตรูฉายแววเหมือนสงสารก่อนที่เจ้าตัวจะหันหลังเดินจากไป...

...

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

อัพแล้วเจ้าค่า...หายไปนานเลย ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ... อู...

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

My favorite stuff : Umineko no naku koro ni














สำหรับพวกเธอแล้ว "แม่มด" คืออะไรกัน...

ผู้หญิงแก่ๆหน้าตาอัปลักษณ์ที่เอาแอปเปิ้ลอาบยาพิษไปให้เจ้าหญิงกิน...

ผู้หญิงสง่างามเหมือนราชินีที่เสกป่าหนามมาล้อมปราสาทและทั้งยังสามารถแปลงร่างเป็นมังกร...

ผู้หญิงหัวล้าน ไม่มีนิ้วเท้า ที่ทนกลิ่นเด็กๆไม่ได้...

แล้ว "แม่มด" ที่อาศัยอยู่บนเกาะส่วนตัวของมหาเศรษฐีล่ะ...พวกเธอเคยได้ยินเรื่องราวของนางไหม...

แม่มดสีทองในภาพเขียนที่ว่ากันว่าคือหญิงอันเป็นที่รักของหัวหน้าตระกูลผู้หลงใหลในไสยดำ...

การปรากฏตัวของเธอทุกคราจะเกิดพร้อมฝูงผีเสื้อสีดั่งทองคำบริสุทธิ์...

แม่มดสีทอง...นามของนางคือ เบียทรีเช่
























********************************************

ยินดีต้อนรับสู่เกาะรคเคนจิม่า เกาะส่วนตัวพื้นที่กว่า 10 ตารางกิโลเมตรของมหาเศรษฐีตระกูลอุชิโระมิยะ

การประชุมเครือญาติที่จัดขึ้นทุกปี...ปีนี้ก็เช่นกัน...

เหล่าทายาทแห่งอุชิโระมิยะทั้งหมดจะมารวมตัวกันในคฤหาสน์ที่พรั่งพร้อมด้วยคนรับใช้และสิ่งอำนวยความสะดวก...

มรสุม...พายุร้ายที่ปิดตายทางออกทั้งหมด ตัดขาดเกาะแห่งนี้ออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

สมบัติ...ทองคำจำนวนมหาศาลที่หัวหน้าตระกูลเก็บซ่อนไว้ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ที่ใดที่หนึ่งบนเกาะแห่งนี้

ความรัก...ความสัมพันธ์ต่างฐานันดรของทายาทและคนรับใช้ ที่ฐานะของอีกฝ่ายมิได้แตกต่างอะไรจาก...เครื่องเรือน

การฆาตกรรม...การฆ่าที่โหดเหี้ยมคืนแล้วคืนเล่า ที่เร่งเลือดในกายของทุกคนให้เย็นเฉียบ

แม่มด...ตัวตนปริศนาบนเกาะ พวกเธอนั้นมีตัวตนอยู่จริงๆหรือไม่ หรือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการอันชั่วร้ายของใครบางคนเท่านั้น...

แล้วเธอล่ะ...เชื่อในตัวของ "ฉัน" รึเปล่า...

********************************************




Umineko no naku koro ni

ยามเสียงนกนางนวลขับขาน

เกมระหว่างแม่มดกับมนุษย์ที่ห้ำหั่นกันระหว่างเส้นแบ่งความเป็นความตายที่มีชีวิตคนเป็นเดิมพัน

จงใช้สมองของเธอให้เต็มที่ จงขบคิด จงใคร่ครวญเข้าไปเถิด จงอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วย "ทริคของมนุษย์" ให้พอใจ

แล้ว "ฉัน" จะทำให้เธอต้องยอมแพ้ และศิโรราบลงตรงหน้า

ก่อนที่มรสุมจะผ่านไป เรายังมีเวลาเล่นด้วยกันอีกนาน...

มาสิ เหล่ามนุษย์ทั้งหลายผู้ทระนงในปัญญาของตน...จงมาสู่เกาะรคเคนจิม่า จงมาสู่คฤหาสน์แห่งอุชิโระมิยะ...

แล้ว "ฉัน" จะกักขังเธอไว้ตลอดกาล ทำให้เธอต้องตกลงสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวัง

เต้นรำกันเถอะ...ภายใต้ค่ำคืนสีทองที่มวลผีเสื้อพร่างพราว...

แล้ว "ฉัน" จะทำให้เธอได้เห็นระบำนองเลือดที่จะบรรเลงต่อหน้าเธอ

มาสิ...มาสิ...

แล้ว "ฉัน" จะทำลายทุกสิ่งของเธอ...

คิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ

**********************************************************

ที่ชอบการ์ตูนเรื่องนี้ก็... (ไม่ใช่นิยายเรื่องใหม่ของเราน้า...) ไม่มีอะไรมาก...


จะมีการ์ตูนซักกี่เรื่องกัน...ที่ทำให้เราต้องใช้สมองทั้งหมดในการขบคิดปัญหา...แต่คิดเท่าไหร่ก็ไม่อาจตีให้แตกได้


จะมีการ์ตูนซักกี่เรื่องกัน...ที่ทำให้คนเป็นสิบๆมานั่งเถียงกันในบอร์ดว่า จริงๆแล้วเรื่องมันเป็นแบบนี้ๆ


จะมีการ์ตูนักกี่เรื่องกัน...ที่ออกบทใหม่มาทีไร ก็ทำให้คนอ่านตกเก้าอี้กันได้ทุกครั้ง


และจะมีนักเขียนการ์ตูนซักกี่ท่าน...ที่หักหลังคนอ่านได้อย่างเจ็บแสบจนต้องซูฮกเหมือนอาจารย์ริวคิชิ07


เหตุผลเท่านี้...คงเพียงพอแล้ว...

********************************************

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

ไพ่ทาโรต์ของม้าปิ้ง...


You are The Empress


Beauty, happiness, pleasure, success, luxury, dissipation.


The Empress is associated with Venus, the feminine planet, so it represents,
beauty, charm, pleasure, luxury, and delight. You may be good at home
decorating, art or anything to do with making things beautiful.


The Empress is a creator, be it creation of life, of romance, of art or business. While the Magician is the primal spark, the idea made real, and the High Priestess is the one who gives the idea a form, the Empress is the womb where it gestates and grows till it is ready to be born. This is why her symbol is Venus, goddess of beautiful things as well as love. Even so, the Empress is more Demeter, goddess of abundance, then sensual Venus. She is the giver of Earthly gifts, yet at the same time, she can, in anger withhold, as Demeter did when her daughter, Persephone, was kidnapped. In fury and grief, she kept the Earth barren till her child was returned to her.


What Tarot Card are You?
Take the Test to Find Out.

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

แฮ่มๆ ใครได้ใบไหนก็มาบอกกันมั่งนะฮับ มี๊...

วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2552

MDQ : Moon Dragon Quest บทที่ 1 เริ่มต้น III

เคร้ง!!!

ดาบสีเงินทั้งสองเล่มไขว้ประสานอยู่เหนือโซ่เส้นหนาสีดำสนิท ซึ่งลูซิเฟอร์เรียกมาเข้ามือด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ ชายหนุ่มตวัดโซ่ปัดการโจมตีนั้นออกไป – ฟรานเซสลอยไปหาเนินหินขนาดใหญ่เบื้องหลัง - เด็กหนุ่มพลิกตัวกลางอากาศและใช้เท้าถีบมันส่งตัวเองพุ่งกลับเข้าหาศัตรูอีกครั้ง ลูซิเฟอร์ฟาดลูกตุ้มเหล็กสวน – ดาบของฟรานเซสถูกกระแทกเบี่ยงทิศทางไป บุรุษผมเทาฉวยโอกาสนี้ถอยห่างขณะที่คู่ต่อสู้ลงสู่พื้นเบื้องหน้าได้อย่างสวยงาม... ดวงตาสีน้ำเงินสองคู่สบประสานราวจะวัดใจซึ่งกันและกัน...

สเนค!

อาวุธสีนิลพุ่งซิกแซกเข้าหาฟรานเซสราวมีชีวิต เด็กหนุ่มกระโดดหลบแต่มันก็เลี้ยวตามเขามาโดยความเร็วไม่ได้ตกลงเลย – ซ้ำร้ายมันกลับยิ่งเพิ่มขึ้นเหมือนงูร้ายที่ดีดตัวเองเข้าฉกเหยื่อ ฟรานเซสก้มหลบตุ้มเหล็กทรงกรวยแหลมซึ่งตวัดเฉี่ยวปลายผมของเขาไปอย่างน่าใจหาย ดาบคู่ในมือฟาดลงกลางโซ่หมายจะตัดให้ขาด หากแต่ลูซิเฟอร์ที่รอจังหวะอยู่แล้วดึงโซ่กลับจนมันพันรัดเข้ากับอาวุธของฝ่ายตรงข้าม ชายหนุ่มแสยะรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ... มือหนาออกแรงกระชากหมายจะเหวี่ยงคู่ต่อสู้เข้าปะทะภูเขาหิน...

!!!

หากแต่ดวงตาสีน้ำเงินกลับต้องเบิกกว้างเมื่อฟรานเซสกลับกระโดดตามแรงกระชากแล้วเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหาเขาเสียเอง ท่อนขาแข็งแรงฟาดเข้าเต็มหน้าจนสะบัด ฟรานเซสลงสู่พื้นก่อนจะตวัดดาบรั้งโซ่เข้าหาตัว ลูซิเฟอร์พยายามขืนจนกล้ามเนื้อแขนปูดโปน ชายหนุ่มถ่มเลือดลงพื้นทั้งดวงตาจับจ้องศัตรู ดวงตาสีน้ำเงินสองคู่จ้องกันราวจะกินเลือดกินเนื้อ...

“ฝีมือไม่เลว...” คนผมเทาเอ่ยชม

“ขอบใจ”

“ช่างน่าเสียดาย...หากเจ้าต้องมาจบชีวิตลงที่นี่...” ลูซิเฟอร์ว่า “มาร่วมมือกับข้าไม่ดีกว่ารึ”

“ไม่มีวัน!!!” ฟรานเซสตะโกนก้อง

“กล้าหาญนัก...แต่จงตัดใจเสียเถอะ” อีกฝ่ายพูด “เพราะพวกเจ้าไม่มีวันขัดขวางแผนการของข้าได้!!!”

ลูซิเฟอร์กระชากโซ่คืนด้วยเรี่ยวแรงอันเหนือมนุษย์ ฟรานเซสล้มฟาดลงกับพื้น – ดาบคู่กระเด็นหลุดจากมือ อาวุธปีศาจคลายตัวออกแล้วพุ่งมารัดร่างเจ้าของดาบแทน ลูซิเฟอร์ตวัดโซ่อีกครั้งส่งฟรานเซสเข้ากระแทกหินเต็มๆ เด็กหนุ่มหลับตาแน่น... รู้สึกปวดร้าวราวกระดูกทั่วร่างแหลกป่น ลูซิเฟอร์เหวี่ยงเขาไปทางนั้นทีทางนี้ทีอย่างสนุกสนาน เสียงเศษหินร่วงกราวผสานกับเสียงหัวเราะขณะที่เหยื่อพยายามกัดฟันแน่น...ไม่ยอมให้มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา...

ฟ้าว!

เสียงวัตถุแหวกอากาศทำให้ชายหนุ่มหันขวับ ร่างอันบอบช้ำของฟรานเซสหล่นตุบลงกับพื้นแข็งๆ มือขวาของคนผมเทายกขึ้นรับลูกธนูดอกหนึ่งไว้ได้อย่างเหมาะเจาะ ดวงตาสีน้ำเงินปรายไปทางเจ้าของอาวุธซึ่งกำลังเงยหน้ามองเขาเหมือนยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้รับรู้

“กล้าหันอาวุธใส่เจ้านายเชียวรึ...”

“ท่านลูซิเฟอร์... ทำไมกันครับ...” ธอธพูดเสียงเครือ มือซ้ายที่ยังจับคันธนูสั่นด้วยความเสียใจ “ท่านลูซิเฟอร์ที่ใจดี... ท่านลูซิเฟอร์ที่เมตตาเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างผม... ไว้ใจให้ผมทำงานให้... ให้ที่กิน... ที่อยู่... ท่านลูซิเฟอร์คนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะครับ... ทำไม... ทำไมถึงคิดจะทำลาย...ทำไมต้องวางแผนทำลายระบบดาราจักรนี้ด้วย...”

“คนที่ยังไงก็ต้องตายที่นี่อย่างเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้!” ลูซิเฟอร์ประกาศก้อง – อสูรหมูป่าสองตัววิ่งเข้าหาธอธจากทางด้านหลัง... ขวานเหล็กในมือเงื้อง่า เด็กหนุ่มสะบัดมีดสั้นออกจากแขนเสื้อแล้วปักมันเข้ากลางอกสัตว์ประหลาดทั้งคู่ได้โดยไม่ต้องหันไปมองขณะที่เวนซ์ฟาดพลองหักกระดูกคอของอสูรกายตัวสุดท้ายส่งร่างศัตรูล้มฟาดลงกับพื้นก่อนที่เจ้าตัว เดนนิสและอากิระจะเดินมาสมทบกับธอธ...ตามด้วยเหล่านักรบมังกรทั้งสิบตน

“ท่านลูซิเฟอร์... หยุดเถอะครับ... ถ้าคุณหนูเอดิครู้เรื่องนี้เข้า คุณหนูจะเสียใจมากนะครับ...”

“เอดิคเป็นหลานข้า เขาต้องเชื่อฟังข้าที่เป็นปู่มากกว่าคนรับใช้อย่างเจ้าอยู่แล้ว” ชายหนุ่มโต้ “แล้วอีกอย่างหนึ่ง...”

ฉึก!!!

“คนตายเล่าเรื่องอะไรไม่ได้หรอก...”

ดวงตาสีสนิมเหล็กเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวด ร่างสูงหงายหลังล้มลงช้าๆท่ามกลางเสียงเรียกอย่างตระหนกของคนอื่นๆ... ธนูของตัวเองที่ลูซิเฟอร์สะบัดมือส่งมันพุ่งกลับมาหาเขาปักอยู่กลางอก ฟรีเซียกัดฟัดกรอดอยู่ในวงโซ่เมื่อพายุมีดสั้นของอเลคโตยังรุนแรงเกินกว่าจะฝ่าไปช่วยได้ทันขณะที่อีกฝ่ายแสยะยิ้มกว้าง ชูอาตีลังกาหลบผีเสื้อทั้งห้าจนมันชนกันเองและระเบิดเป็นจุณก่อนจะรีบวิ่งมาหาคนเจ็บ เสียงหัวเราะของมีเดียสะท้อนก้องอย่างสะใจราวจะยิ่งตอกย้ำความสูญเสีย...

“ธอธ!” อากิระถลาเข้าประคองหากแต่เวนซ์กับเดนนิสรีบรั้งแขนเขาไว้... เด็กหนุ่มออกแรงขืน...มือไขว่คว้าร่างของเพื่อนรักที่กำลังลอยห่างออกไป “ธอธ!!!”

“อากิ...ระ...”

พรึ่บ!!!

บาดแผลของธอธพลันลุกเป็นไฟก่อนจะลามไปทั่วตัวอย่างรวดเร็ว! เสียงกรีดร้องอย่างทรมานดังจากร่างที่กำลังบิดเร่าอยู่ในกองเพลิง ผิวหนัง... กล้ามเนื้อ... กระดูกค่อยๆถูกพิษร้ายซึ่งอาบอยู่บนหัวธนูกัดกร่อน ในที่สุด เด็กหนุ่มก็ถูกเปลวอัคคีผลาญเผาจนสิ้น... ไฟมนตร์ค่อยๆอ่อนกำลังลงจนสูญสลาย พื้นดินบริเวณนั้นว่างเปล่าไม่มีแม้รอยไหม้สักจุด... ราวกับไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้น...ราวกับเหตุการณ์สยองเมื่อครู่เป็นเพียงฝัน...

ฝันร้ายที่พวกเขาไม่อาจตื่น...

“ธ... อธ...” ฟรานเซสกระซิบ... เด็กหนุ่มค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้น – ความเจ็บปวดเข้าเล่นงานทุกอณูกายจนต้องหลับตาแน่นเพื่อข่มมันไว้ คนผมน้ำเงินเซไปพิงผาใกล้ๆ กำปั้นหนาทุบลงบนศิลาแกร่งด้วยเจ็บใจตัวเอง...

เพื่อนตายไปทั้งคนแต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย...

เขามันไร้พลังสิ้นดี...

“ธอธ...” อากิระทรุดลงกับพื้น เวนซ์แตะบ่าลูกชายหมายจะปลอบโยนให้ทำใจหากแต่คนตรงหน้ากลับสะบัดหน้าขึ้นในฉับพลันจนผู้เป็นบิดาถึงกับผงะ - ดวงตาสีมรกตที่เคยส่องประกายวิบวับอย่างคนขี้เล่นบัดนี้วาวโรจน์ด้วยความแค้น!!!

“อภัยให้ไม่ได้...” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน... ทั้งร่างเรืองด้วยไอมนตร์รูปร่างคล้ายเปลวเพลิงสีเขียวเจิดจ้า ดาบยาวในมือกระชับชี้ไปเบื้องหน้า “อภัยให้ไม่ได้!!!”

อะคิลิส เรจ!!!

เงามายาของอาวุธนับร้อยสาดเป็นแพออกจากกลางหลัง ก่อนจะโผนพุ่งไปเบื้องหน้าและปะทะเข้ากับเกราะมนตร์ใสของลูซิเฟอร์ พลังทั้งสองยื้อยุดกันอยู่ครู่หนึ่ง – ดวงตาสีเขียวมรกตอันเปี่ยมด้วยจิตสังหารจ้องเขม็งที่ดวงตาสีน้ำเงินซึ่งยังคงสงบนิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สา บุรุษผมเทาเพ่งพลังทำลายทั้งเกราะทั้งเงามายาไปพร้อมกัน – เศษเกราะนับพันชิ้นร่วงกราวราวเศษแก้ว – อากิระพุ่งร่างสวนขึ้นไป – ดาบที่เงื้อง่าอยู่ในมือพลันลุกเป็นไฟเพื่อเตรียมฟาดฟันศัตรูให้สิ้น!!!

ไฟนอล สแลช!!!

...

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เอาล่ะ จะเป็นยังไงต่อไปน๊า ฮะๆๆๆ

MDQ : Moon Dragon Quest บทที่ 1 เริ่มต้น II

ร่าง 17 ร่างปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนสถานที่แสนแปลกตา ทั้งหมดกวาดตาไปรอบๆที่ราบสลับเขาหินเตี้ยๆสีเทาหม่นตัดกับท้องฟ้าสีนิลยามราตรีอย่างระแวดระวัง อากาศหนาวจนหายใจออกเป็นไอน้ำหากแต่ไม่มีแม้สายลมแผ่วเบา...ไร้วี่แววของต้นไม้สักต้นหรือสิ่งมีชีวิตสักชนิด...

“ยินดีต้อนรับ... เหล่ามนุษย์ผู้โง่เขลา...” เสียงหนึ่งดังขึ้นในความว่างเปล่า “สู่สุสานของพวกแก...”

สายฟ้าสีนิลผ่าเปรี้ยงลงมาบนพื้นตรงหน้าห่างจากพวกเขาประมาณ 5 เมตร ฝูงอสูรหน้าตาอัปลักษณ์นับสิบๆตนส่งเสียงครางอย่างขู่ขวัญ เบื้องหน้าพวกมันคือร่าง 3 ร่างยืนเรียงหน้ากระดาน สตรีอายุประมาณ 20 ปีในชุดคลุมสีนิลทางซ้ายสุดไว้ผมสีน้ำตาลเป็นทรงบ็อบเทลาดมาด้านหน้า ดวงตาสีดำมองพวกเขาอย่างเย้ยหยัน สตรีคนที่สองซึ่งน่าจะอายุมากกว่าคนแรกราว 10 ปีที่ยืนอยู่อีกด้านรวบเรือนผมสีม่วงดำขึ้นเป็นมวยยาวสองข้างแบบยุโรปช่วงปลายยุคกลาง ดวงตาสีชาดดุจโลหิตราวจะเหยียดทุกชีวิตไว้แทบเท้า เธออยู่ในชุดกรุยกรายสวยสง่าสีเดียวกับดวงตาประดับดิ้นสีทอง ทั้งคู่ยืนขนาบข้างหนึ่งบุรุษ แม้เรือนผมสีเทาและริ้วรอยบนใบหน้าจะบอกให้รู้ถึงอายุที่มากกว่าหญิงข้างกายกว่า 20 ปี หากแต่ดวงตาสีน้ำเงินยังคงทรงอำนาจดั่งดวงตาราชสีห์...ราชสีห์ที่กำลังทอดมองหนูสกปรก 17 ตัวที่บุกมาหาที่ตายถึงปากถ้ำ...

“ท่าน ลูซิเฟอร์ ไคลด์... คนที่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมดคือท่านจริงๆหรือครับ...” ธอธพูดเหมือนไม่อยากเชื่อ... ดวงตาสีสนิมเหล็กจ้องเขม็งที่เข็มกลัดรูปครึ่งล่างหัวกระโหลกบนเสื้อคลุมสีกรมท่าของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“หึ... เป็นแค่คนรับใช้... แต่มาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเจ้านายแบบนี้มันเสียมารยาทนะ...” ชายหนุ่มหัวเราะเย็นๆก่อนจะชูมือขึ้นช้าๆ “คนที่ไม่รู้จักกาลเทศะจะต้องถูกลงโทษ”

ทันทีที่มือหนาสับลง เหล่าอสูรเบื้องหลังก็กรูกันเข้าผู้บุกรุก คมเขี้ยวและกงเล็บนับร้อยหมายจะฉีกเนื้อมนุษย์อันหอมหวานสังเวยความบ้าคลั่ง พวกธอธรวมทั้งนักรบมังกรต่างแยกกันไปคนละทิศ อาวุธในมือวาดสะบัดรวดเร็วอย่างชำนาญ โลหิตสีดำของปีศาจร้ายสาดกระจายทั่วบริเวณส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง...

“เอายังไงดีครับ คุณเดนนิส...” ฟรานเซสถามเบาๆเมื่อพวกเขากลับมารวมกันอีกครั้งกลางวงล้อมของศัตรู

“เราต้องจัดการที่ตัวหัวหน้า... ชูอา ฟรีเซีย...จัดการผู้หญิงสองคนนั่นซะ... เฟร็ด...ลูซิเฟอร์เป็นหน้าที่เธอ...”

“ครับ”

เดนนิสปักคทาในมือลงตรงหน้า ริมฝีปากขยับร่ายเวทควบคุมแผ่นดินใต้เท้าทั้งสามให้ยืดสูงขึ้นเสมออีกฝ่าย อาวุธในมือกระชับแน่นก่อนจะโผนทะยานเข้าหาศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว ขณะที่เบื้องล่าง การต่อสู้ยกที่สองเริ่มเปิดฉาก... ธนูพิษของธอธผลาญเผาร่างอสูรร้ายจนไม่เหลือแม้เถ้า พลองของเวนซ์กระแทกทำลายกระดูกจนแหลกป่น อากิระฟาดดาบตัดเนื้อหนังส่งเลือดคาวให้กระจาย มนตร์ของเดนนิสสังหารฝูงปีศาจล้มตายราวใบไม้ร่วง ส่วนกงเล็บของนักรบมังกรก็คร่าชีวิตเหล่าอมนุษย์ไปได้ไม่น้อย...

“มีเดีย...อเลคโต...” ลูซิเฟอร์กระซิบ

“เจ้าค่ะ...” หญิงสาวทั้งสองน้อมรับคำสั่งและแยกไปอยู่คนละเนิน ชูอากับฟรีเซียควบคุมออร่ารอบตัวเลี้ยวตามพวกเธอไป มีเพียงฟรานเซสที่พุ่งตรงไปข้างหน้า ดาบคู่ในมือหมายเป้าตรงลำคอของบุรุษผมเทาซึ่งยังคงแสยะรอยยิ้มเยียบเย็น...

“ข้าจะเป็นเพื่อนเล่นให้เจ้าเอง...มนุษย์หน้าโง่ทั้งหลายเอ๋ย...”

...

ตูม!!!

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นเมื่อโซ่เส้นหนาในมือฟรีเซียพลาดเป้าจากเหยื่อไปกระแทกศิลาแกร่งใกล้ๆจนแหลกเป็นธุลี เด็กสาวผมน้ำตาลควบคุมไอเวทสีทองใต้ฝ่าเท้าทั้งสองพาตัวเองพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้...มีดสั้นนับสิบสาดออก ฟรีเซียตวัดโซ่ปัดมันทิ้งก่อนจะถอยมาตั้งหลักบนเนินหิน...

“ตัดใจซะเถอะ จะดิ้นรนยังไง...พวกแกก็ไม่มีวันขัดขวางพวกเราได้” อีกฝ่ายเย้ย

“ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง”

เสียงท่องมนตร์ดังจากปากของคนผมชมพู... โซ่ยาวในมือขยับไหวราวกำลังขานรับและลอยขึ้นจัดตัวเองเป็นรูปดาวห้าแฉกในวงกลมตั้งฉากกับพื้นตรงหน้าเธอ พร้อมๆกับที่ตราสีทองแบบเดียวกันปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งบัดนี้ถูกละอองสีขาวที่โปรยปรายลงมาตรึงขาสองข้างให้ขยับไม่ได้ ฟรีเซียขยับรอยยิ้มก่อนจะรวบรวมไอมนตร์สีแดงไว้ในอุ้งมือแล้วผลักมันผ่านวงโซ่ก่อเกิดเป็นเส้นแสงเรียวยาวความเร็วสูงกว่าร้อยเส้น เป้าหมายเบิกตากว้างอย่างตระหนกเมื่อรู้ว่าเหลือวิสัยที่จะหลบให้พ้น...

สการ์เล็ต ลีฟ!

ฝุ่นควันตลบขึ้นจนมองอะไรไม่ชัด ดวงตาสีทองพยายามเพ่งมองผลลัพธ์ของมนตร์ผ่านม่านหนาทึบ โซ่ยาวคลายตัวออกและกลับมากระชับแน่นในมือฟรีเซียอีกครั้ง...

ฉัวะ!

มีดสั้นเล่มหนึ่งพุ่งเฉี่ยวต้นแขนขวาของเธอไป ก่อนจะตามด้วยเพื่อนๆของมันเป็นกองทัพเหมือนฝูงแมลง! ฟรีเซียรีบตวัดโซ่เป็นเกลียวหลายชั้นวนรอบตัวป้องกันเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เสียงโลหะปะทะโลหะดังแสบหูขณะที่เกลียวควันเบื้องหน้าค่อยๆจางลง...

“เวทกระจอก...แค่คาถาป้องกันพื้นๆก็เอาอยู่แล้ว...” น้ำเสียงเยาะหยันมาจากร่างระหงบนเนินหินฝั่งตรงข้ามซึ่งไม่มีแม้รอยข่วน “ฝีมือระดับแก... ไม่ต้องถึงมือท่านมีเดียด้วยซ้ำ แค่ อเลคโต คนนี้ก็เกินพอ!”

สิ้นคำ... เด็กสาวผมน้ำตาลชูมือทั้งสองขึ้นฟ้า มีดสั้นสีเงินปลาบร่วมร้อยเล่มปรากฏในมือก่อนที่เธอจะฟาดมือลงสาดพวกมันเข้าใส่ฟรีเซียอีกระลอก

ไนฟ์ สตอร์ม!

...

อีกด้าน ร่างระหงร่างหนึ่งกำลังสาดคลื่นพลังจิตใส่อีกร่างเป็นชุด คู่ต่อสู้เคลื่อนไหวหลบหลีกรวดเร็วแม้จะอยู่ในชุดยาวแสนรุ่มร่าม... รอยยิ้มเย้ยระบายชัดบนใบหน้าในขณะที่ดวงตาสีนิลของคู่ต่อสู้วาวโรจน์...

ไซคิค เวฟ!

อากาศรอบตัวชูอากระเพื่อมเป็นลอนคลื่น หญิงสาวผลักมือออกส่งมันเข้าหามีเดียซึ่งวาดมือเป็นวงกลมเสกเกราะใสมากันไว้ ชูอาเพ่งพลังจิตเพิ่มแรง... เกราะใสค่อยๆปริร้าว – มีเดียสะบัดตัวออก – คลื่นอากาศกระแทกเนินหินที่เธอยืนอยู่เมื่อครู่แหลกเป็นผง

“ไม่เลวนี่...”

“...” ไม่มีคำตอบใดๆจากคนผมชมพู ดวงตาสีดำยังคงเย็นชา สองมือสาดพลังจิตออกไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัว สตรีชุดแดงแสยะรอยยิ้มก่อนที่ทั้งร่างจะเรืองแสงสีชาดดุจโลหิต...

ฟาร์ฟาลลา!

เกิดแสงสว่างวาบขึ้นครู่หนึ่งจนมองอะไรไม่ชัด ชูอารีบถอยมาตั้งหลักและพบว่าไม่มีแม้เงาของศัตรู สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอคือผีเสื้อฝูงหนึ่ง... ไม่สิ... เหมือนกับแสงรูปผีเสื้อมากกว่า ฝูงแมลงสีเลือดร่วมยี่สิบตัวบินอ้อยอิ่งขึ้นๆลงๆอยู่ตรงนั้น หญิงสาวหรี่ตามองมันอย่างไม่ไว้ใจ...

!!!

ผีเสื้อตัวหนึ่งพุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็วสูง ชูอาเบี่ยงตัวหลบ – ไอร้อนเฉียดผิวเธอไป – ทันทีที่ผีเสื้อปริศนาพลาดไปชนก้อนหิน มันก็ระเบิดออกส่งสะเก็ดไฟกระจายทั่ว ชูอาตวัดสายตากลับไปทันเห็นว่าผีเสื้ออีกสี่ตัวกำลังบินตรงมาที่เธอ...

วืด...

หญิงสาวยกมือบังคับก้อนหินก้อนใหญ่ใกล้ๆให้ลอยไปปะทะฝูงผีเสื้อ - แต่มันไม่ได้ระเบิดอย่างที่เธอคาด! พวกมันกลับสลายเป็นเกลียวลมเมื่อกระทบสิ่งกีดขวาง ชูอาตระหนักได้ว่านี่คือนกต่อแต่ก็สายเสียแล้ว...

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

ผีเสื้อสามตัวบินเฉี่ยวแขนขาเธอไป... ปีกที่คมเหมือนใบเหล็กทิ้งบาดแผลยาวไว้ให้ดูต่างหน้า โลหิตสีก่ำรินเอื่อยๆลงมาตามอำนาจแรงโน้มถ่วงขณะที่เสียงหัวเราะของมีเดียดังขึ้นในความว่างเปล่า...

“ปรากฏตัวออกมา...” ชูอาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาสีนิลกวาดไปทั่วบริเวณ ร่างบางย่อลงเล็กน้อยในท่าเตรียมพร้อม...

“หาข้าให้เจอสิ...” เสียงนั้นดังเย้ยและแปรเป็นเสียงหัวเราะอีกครั้งราวจงใจสร้างสงครามประสาท...ผีเสื้ออีกห้าตัวบินอ้อยอิ่งมาล้อมตัวเธอก่อนจะพุ่งเข้าหาจากทุกทิศ!!!

...

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เฮ้อ...ลงเสร็จไปอีกตอน ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ มี๊~

MDQ : Moon Dragon Quest บทที่ 1 เริ่มต้น I

บทที่หนึ่ง: เริ่มต้น

สายฝนกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้าอย่างไร้ความปรานี เหล่าผู้คนวิ่งหาที่หลบ ลูกเด็กเล็กแดงร้องไห้จ้าเพราะตกใจเสียงฟ้าที่คำรามเสียงดังราวจะถล่มลงมา ไม่มีใครสนใจร่างผอมซูบในชุดขาดวิ่นกลางถนน มือซีดเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเขย่ากะลาแตกๆไปทางซ้ายทีขวาที ดวงตาซึ่งพร่ามัวด้วยความหิวสอดส่ายหาความเมตตา ผมยุ่งๆกับเสื้อผ้าเก่าโทรมลู่ลงด้วยน้ำหนักน้ำ แม้จะอยู่ในวัยหนุ่มแน่นหากแต่เขากลับไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะอ้าปากพูด ใครคนหนึ่งวิ่งฝ่าสายฝนมาทางเขาและชนเข้าที่ไหล่จังๆจนคนอ่อนแอล้มลงกระแทกถนน...

“เกะกะจริง! จะไปตายที่ไหนก็ไป!” คำขอโทษของเขาช่างบาดหูนัก ชายคนนั้นวิ่งจากไปอย่างหงุดหงิด...ทิ้งให้ร่างหนึ่งนอนกองกับพื้นไม่ต่างจากสุนัขขี้เรื้อน...

“โถๆๆ พ่อหนุ่ม ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะจ๊ะ...” เสียงหวานดังขึ้นเบื้องหน้าหนุ่มขอทาน

นางฟ้า...

คำคำนี้ผุดขึ้นในสมองทันทีที่เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงชัดๆ วงพักตร์งดงามราวเขียนวาด เรือนผมตรงประบ่าสีแดงส้มเป็นเงาใต้โดมเวทใสที่เธอใช้ต่างร่ม ริมฝีปากสีชมพูอิ่มเหยียดแย้มเป็นรอยยิ้ม ชุดคลุมสีดำขับให้ผิวขาวเนียนยิ่งกระจ่างใส ร่างสมส่วนชนิดชายใดเห็นเป็นต้องเหลียวหลังนั่งยองๆ แล้วมองลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลของคนที่รู้สึกเหมือนโชคหล่นทับซึ่งบัดนี้เป็นประกายวิบวับด้วยความตื่นตา นิ้วชี้เรียวยาวลากไปตามแก้มและคางอย่างยั่วยวน

“อยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ...”

“อยาก...อยากสิ...” เสียงแหบแห้งเปล่งเป็นคำพูด เด็กสาวเอื้อมมือทั้งสองมาโอบประคองใบหน้าซูบตอบก่อนที่ทั้งคู่จะอันตรธานไปจากโลกแห่งความจริงอันโหดร้าย...

แวบ!

เบื้องหน้าขอทานหนุ่มคือคฤหาสน์หลังงามสูงกว่าห้าชั้น ร่างผอมเดินเลียบสวนหย่อมแบบอังกฤษและสระน้ำพุไปจนถึงประตูหน้าพลางมองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นตะลึง หญิงสาวผมแดงมองภาพนั้นราวกับพึงใจ... มือบางคว้าเข้าที่มือซูบดึงตัวเขาเข้าประชิด... ประตูไม้สีดำเปิดออกช้าๆเพียงเธอดีดนิ้ว...

สาวงามพาเขามานั่งลงตรงกลางโต๊ะรับประทานอาหารตัวยาวในห้องรับรองแขกสไตล์อาหรับ ประดาคนรับใช้หญิงร่างสะโอดสะองนับสิบทยอยกันนำถาดเงินพร้อมฝาครอบมาตั้งเรียงกันจนเต็มโต๊ะ พวกเธอเอื้อมมือมายกส่วนฝาออก... โค้งคำนับ... แล้วเดินออกจากห้องไป ไม่ช้า โต๊ะตัวนั้นก็เพียบไปด้วยอาหารเลิศรสนานาชนิดส่งกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายสอ ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินวนไปรอบๆโต๊ะ... สองมือหยิบคว้าอาหารแต่ละอย่างส่งเข้าปากอย่างตะกละตะกราม... สุราหมักชั้นดีไหลย้อยออกมาจากมุมปากขณะที่เขากำลังเสพสุขจากโอชารสเบื้องหน้าราวไม่รู้จักอิ่ม...

เสียงพิณบรรเลงทำให้คนที่ง่วนกับการกินชะงักเหลียวหาที่มา พลัน ม่านสีแดงสดตรงข้ามโต๊ะอาหาร ซึ่งตอนแรกเขาคิดว่าใช้เพียงกั้นแสงอาทิตย์จากหน้าต่างสูงจรดเพดานก็ค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นกลุ่มนักดนตรีสาวบนยกพื้นปูผ้ากำมะหยี่สีเดียวกัน เครื่องหน้าแสนงดงามขยับพริ้มไปตามจังหวะเพลง... เหล่านางระบำในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยนวยนาดเข้ามาในห้องก่อนจะยักย้ายร่างกายอย่างยั่วยวน หนึ่งในนั้นใช้ผ้าแพรบางเบาคล้องรอบคอเขาเป็นเชิงเชื้อเชิญ คนผมดำเดินตามไปถึงกลางวงอย่างว่าง่าย สะโพกกลมกลึงและเนินนางอวบอิ่มขยับไปมารอบตัวเขา เนื้อสีกับเนื้อชวนให้รู้สึกร้อนเร่า สตรีผมแดงขยับรอยยิ้มน้อยๆแล้วค่อยๆเยื้องย่างมาหา...

“เป็นยังไงบ้าง...มีความสุขไหมจ๊ะ...”

“มีสิ...ขอบคุณท่านมาก...ข้าไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย...” ชายหนุ่มละล่ำละลัก...ร่างบางยิ้มอย่างพอใจก่อนรวบตัวเขาเข้าในอ้อมแขน

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะนะ...” เสียงหวานกระซิบ... ริมฝีปากแดงค่อยๆเลื่อนมาประกบกับริมฝีปากของเขาอย่างนุ่มนวล ดวงตาสีน้ำตาลที่เบิกกว้างด้วยความตกใจในตอนแรกแปรเป็นหรี่ลงอย่างกรุ้มกริ่ม... มือหนาเริ่มซุกซนไปตามเรือนร่างนุ่มนิ่มของคนตรงหน้า ลิ้นอุ่นๆที่สอดแทรกเข้ามาในช่องปากของเขาเต็มไปด้วยรสสวาทจนชายหนุ่มต้องรีบตอบสนองเธอในแบบเดียวกัน...

สวรรค์...

นี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ...

แต่แล้ว ดวงตาสีน้ำตาลกลับต้องเบิกกว้างอีกครั้งเมื่อลิ้นของหญิงสาวเริ่มซอกซอนเข้าไปลึกขึ้น... ผ่านลิ้นไก่... หลอดลม... ทะลุผนังปอดจนถึงตำแหน่งหัวใจ ขอทานผู้โชคร้ายทำได้เพียงทำเสียงอึกอักในคออย่างทรมาน พลางพยายามปลดตัวเองจากท่อนแขนบางที่โอบรัดเขาไว้แน่นเหมือนงู หัวใจอุ่นๆถูกปลิดจากขั้วคร่าลมหายใจสุดท้ายในชั่ววินาที ลิ้นยาวๆเข้ากระหวัดรัดแล้วค่อยๆดึงมันย้อนออกมาทางปากศพ หญิงสาวเหยียดมองร่างไร้วิญญาณซึ่งบัดนี้อวัยวะภายในป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีก่อนจะตวัดลิ้นกลืนก้อนเนื้อชุ่มเลือดที่ยังเต้นตุบๆนั้นลงไปทั้งดวง...

“แอบมาทำเรื่องสนุกๆแบบนี้คนเดียว...พี่นี่ขี้โกงชะมัดเลย...” น้ำเสียงเชิงตัดพ้อดังมาจากหน้าประตู คนผมแดงหัวเราะในคอ... มือบางยกขึ้นดีดหนึ่งครั้ง... พลันบรรยากาศในห้องกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ... อาหารบนโต๊ะกลายเป็นกองขี้เถ้า เหล่านักดนตรีและนางระบำแสนสวยค่อยๆซูบผอมเหมือนคนแก่และกลับเป็นโครงกระดูก ห้องรับรองสไตล์อาหรับคืนสภาพเป็นห้องทึบๆมืดสลัว ส่วนคฤหาสน์หรูก็กลับเป็นปราสาทหินสีเทาทรงยุโรปดังเดิม...

“โทษทีๆ...งั้นคราวหน้าพี่จะชวนเธอด้วย ตกลงไหม...” หญิงสาวว่าพลางปาดเลือดที่ปาก

“ว่าแต่ว่า พี่ มีเกร่า คะ...มนุษย์นั่นน่ะ...หนูขอนะ...”

“เอาสิ พี่ยกให้...”

“รักพี่มีเกร่าที่สุดเลย!” เด็กสาวผมสีแดงดำร้องอย่างดีใจ ดวงตาสีเลือดนกเป็นประกายวิบวับขณะที่เจ้าตัวกระโดดโลดเต้นไปนั่งลงข้างศพ...

“ทิสิโฟเน่...พี่อเลคโตล่ะ” มีเกร่าดันตัวขึ้นนั่งบนโต๊ะแล้วหันมาถามน้อง

“พี่อเลคโตไป ฟูราด กับท่านโอมินอสแล้วก็ท่านมีเดียค่ะ...” ทิสิโฟเน่ตอบพลางกัดเนื้อตรงท่อนแขนผอมๆที่ตัวเธอเพิ่งฉีกมาจากศพเข้าไปคำใหญ่ “รู้สึกจะมีพวกหนูน่ารังเกียจที่ไม่รู้จักเจียมตัวหลงเข้ามาน่ะค่ะ...”

“หนูงั้นเหรอ... น่ารำคาญจริงนะ...” มีเกร่าถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย... ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอดมองน้องสาวซึ่งกำลังลงมือฉีกแขนอีกข้างมาแทะเล่นเป็นของขบเคี้ยวระหว่างวัน...

...

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

บทที่ 1 มาเสิร์ฟแล้วค่า...

MDQ : Moon Dragon Quest บทนำ

สวัสดีฮับ...ตั้งแต่นี้ บล็อกนี้จะใช้เป็นที่ลงนิยายของเราแล้วนะ เนื่องจากมันจัดการง่ายกว่าไดอารี่เด็กดีอย่างมากมาย...งั้นก็มาอ่านกันเลยดีกว่าเนอะ...ยังไงก็ช่วยติ ช่วยชม ช่วยเม้นต์กันด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆจ้า มี๊~

บทนำ

"ตราบเท่าที่สุริยันยังเคลื่อนจากบูรพาไปยังประจิม... ตราบเท่าที่จันทรายังทอแสงนวลในยามราตรี... จะไม่มีผู้ใดสามารถรุกล้ำทำลายสถานที่อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเจ้าได้..."

เงาร่างของคนสองคนเคลื่อนกายอย่างเงียบกริบไปตามทางเดินหินอ่อนในคฤหาสน์ใหญ่ คนที่เดินนำคลำทางในความมืดอย่างชำนาญ ขณะที่คนเดินตามคอยมองซ้ายมองขวาระแวดระวังจนมาถึงห้องหนึ่งตรงสุดทาง คนหัวขบวนหมุนลูกบิดและผลักประตูออกช้าๆพลางส่งสัญญาณให้อีกคนนำไปก่อนแล้วจึงตามเข้าไป...บานไม้แกะสลักงับลงอย่างแผ่วเบา...

เพียงดีดนิ้ว... เทียนขาวนับสิบเล่มรอบห้องก็สว่างไสวส่องให้เห็นการตกแต่งสไตล์ยุโรป วอลเปเปอร์ลายเถากุหลาบสีชมพูและชั้นไม้วางของจุกจิกบอกให้รู้ว่าเจ้าของห้องเป็นผู้หญิง ตู้หนังสือขนาดใหญ่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานทอดตัวเต็มผนังด้านหนึ่ง ชุดโต๊ะเก้าอี้ทำจากไม้สักแกะลายวิจิตรวางอยู่ใกล้ๆ กลางห้องคือบ่อทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสองเมตรซึ่งถูกอาบด้วยแสงจันทร์ที่ลอดผ่านบานกระจกสูงจรดเพดานตรงข้ามกับประตู เจ้าของใช้มันสำหรับเลี้ยงปลาสวยงามรวมถึงกอบัวและพืชน้ำ อีกฟากหนึ่งเป็นที่ตั้งของแกรนด์เปียโนสีดำสนิท ในห้องไม่มีใครนอกจากพวกเขา... เด็กหญิงในชุดนอนสีฟ้าเข้ากับเรือนผมประบ่ายืนมองเด็กหนุ่มผมน้ำเงินวัยสิบหกปีในชุดเดินทางทะมัดทะแมงทับด้วยเสื้อคลุมสีดำถอดสลักหน้าต่างเล็กข้างชั้นหนังสือออกเบาๆ ก่อนจะผลักมันเปิดออกส่งลมเย็นๆของราตรีเข้าปะทะใบหน้า

“พี่เฟร็ด...” เด็กหญิงเรียก... ดวงตาสีดำเริ่มสั่นเหมือนจะร้องไห้ ดวงตาสีครามของพี่ชายหันมามองเธออย่างอ่อนโยนแล้วย่อตัวลงลูบศีรษะน้องสาว

“อย่าร้องไห้สิ...เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว” บุตรชายคนโตของตระกูลฟานิเซียพูด

“ให้หนูไปด้วยได้ไหมคะ...” คนผมฟ้าว่าหากแต่บุรุษในชุดเดินทางกลับส่ายหน้า

“ฟิกอายุแค่แปดขวบเอง...มันอันตรายมากนะ...”

“แต่หนูอยากจะช่วยพี่...”

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยปกปิดเรื่องนี้อย่าให้พวกคุณพ่อคุณแม่รู้จนกว่าพี่จะกลับมาได้ไหมคะ...” เด็กหนุ่มเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “พี่สัญญานะว่าเสร็จเรื่องแล้วจะกลับมาหาฟิกเป็นคนแรกเลย...”

“สัญญานะคะ พี่...” เด็กสาวตัวน้อยยกนิ้วก้อยขึ้นตรงหน้า คนตัวโตใช้นิ้วก้อยของตัวเกี่ยวเข้ากับนิ้วของน้องก่อนจะรับคำ

“ด้วยเกียรติของฟรานเซส เคลเบรอส เอฟ เฟร็ด ฟานิเซีย”

ฟรานเซสลุกขึ้นยืน เรือนผมสีน้ำเงินเหมือนทะเลยามค่ำคืนซึ่งมัดไว้ข้างหูสะบัดน้อยๆตามแรงลม ดวงตาสีครามมองออกไปนอกคฤหาสน์อย่างมุ่งมั่น ร่างสูงก้าวเท้าเหยียบกรอบหน้าต่างแล้วหันมายิ้มให้เด็กสาวอีกครั้ง

“พี่รักฟิกนะ...”

เด็กหนุ่มเหวี่ยงตัวทิ้งน้ำหนักลงบนอากาศว่างเปล่าของชั้นสาม ออร่าสีเดียวกับดวงตาปรากฏขึ้นและโอบประคองเขาให้ลอยข้ามกำแพงสูงและลงสู่พื้นโดยปลอดภัย ร่างในชุดนอนพึมพำอะไรบางอย่างในลำคอ... เกลียวควันสีนิลก่อตัวขึ้นช้าๆและพาตัวเธอขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับหน้าต่าง มือเล็กๆเอื้อมไปปิดมันพลางมองตามพี่ชายซึ่งกำลังวิ่งไปตามถนนหินและจมหายไปในความมืดของรัตติกาล เด็กน้อยควบคุมควันให้วางเธอลงก่อนจะดีดนิ้วสลายมัน ดวงตาสีฟ้าหลับลงอย่างมีความหวัง...ในใจกระหวัดคิดถึงรอยยิ้มแสนอบอุ่นของพี่...

โดยหารู้ไม่ว่านั่นจะเป็นรอยยิ้มสุดท้าย...

...

“ฟรานซ์...” เสียงหวานของสตรีดังขึ้นอย่างไม่แน่ใจ เจ้าของชื่อที่ยืนพิงต้นไม้อยู่หันควับและพบว่าคนที่เรียกเขาเป็นเด็กสาวดวงตาสีทองรุ่นราวคราวเดียวกัน ผมสีชมพูคลอเคลียบ่า ปอยผมเล็กๆสองปอยด้านหน้ายาวลงมาเสมออกร้อยลูกปัดข้างละสามเม็ด เธอสวมเสื้อรัดรูปและกระโปรงสั้นสีดำทับด้วยผ้าคลุมยาวมีฮู้ดกับบู๊ตส้นสูงยาวถึงเข่า ฟรานเซสมองเธอเหมือนยังไม่วางใจก่อนจะถาม

“น้องสาวของฉันชื่ออะไร”

“ฟิลาเดลเฟีย ฟีนิกซ์ พี ฟิก ฟานิเซีย... แถมยังติดพี่อย่างกับอะไรดี ตอนแรกฉันยังสงสัยเลยนะว่าเธอจะหลบแกออกมาได้ยังไง...” เด็กสาวตรงหน้าตอบยิ้มๆ “แล้วน้องสาวของฉันล่ะ...ชื่ออะไร...”

“โรซ่า ฟลอเร็ท... ขานั้นก็ติดเธอแจเหมือนกันนี่นา ฟรีเซีย” ฟรานเซสยิ้มออกมาเมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอคือคนที่เขารู้จัก “มาถึงนานรึยัง”

“เพิ่งมาเมื่อกี้... ไปกันเถอะ ธอธ คงรอพวกเราอยู่ที่ เบลลาทริกซ์ แล้ว” ฟรีเซียว่าแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อคลุม คนข้างตัวชะโงกมองอย่างสนใจ... สิ่งนั้นคือทรงกระบอกแบนทำด้วยแก้วใสขนาดเท่าฝ่ามือ ภายในปรากฏภาพจำลองของระบบดาราจักรพร้อมชื่อของดาวเคราะห์ทั้งหมด จุดสีแดงกระพริบแสดงตำแหน่งของพวกเขาที่ดาวที่มีชื่อว่า ซูเลเท็บ ในวงโคจรชั้นในสุด “อากาศปลอดโปร่ง...ไม่น่าจะมีปัญหา...วงโคจรกำลังดี พอรับพวกคุณชูอาที่ เมอร์ซิม แล้วก็ต่อไป เบลลาทริกซ์ ได้เลย...”

“อะไร...” เด็กสาวหันมองคนผมน้ำเงินที่กำลังจ้องหน้าเธอพร้อมรอยยิ้มบางๆชวนให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ

“ฉันก็แค่คิดว่า เธอมีอะไรให้ฉันทึ่งอยู่เรื่อย...”

“ไปกันได้แล้ว” ฟรีเซียรีบเก็บอุปกรณ์ในมือแล้วดีดนิ้วเป๊าะ... วงเวทเคลื่อนย้ายปรากฏขึ้นใต้เท้าของทั้งคู่ก่อนจะเรืองแสงนวลสีทอง ฟรานเซสเลื่อนมือมาจับมือเธอไว้...เด็กสาวก้มหน้าซ่อนนวลแก้มสีแดงเรื่อแล้วสองร่างก็หายไปจากถนนหิน...

...

แวบ!

“มากันแล้วเหรอ ฟรานเซส ฟรีเซีย” เด็กหนุ่มผมสีเทาสวมแว่นร้องทักเมื่อพวกเขาปรากฏตัวหน้าบ้านพักหลังหนึ่ง ฟรานเซสถามคำถามทดสอบกับเขาครู่หนึ่งก่อนจะจับมือกันอย่างยินดี เจ้าบ้านยิ้มให้ฟรีเซียรวมถึงคนสี่คนเบื้องหลังพวกเขาแล้วผายมือเชิญทุกคนเข้าบ้าน...

ในบ้านตกแต่งแบบเรียบง่ายตามประสาชายโสด โต๊ะกลมขนาดกลางมีเก้าอี้ไม้เข้าชุดกันสองตัววางสอดไว้ลวกๆที่กลางบ้าน ฝั่งซ้ายเป็นเตียงนอนและด้านตรงกันข้ามคือโซฟาหนานุ่มกับเตาผิง ห้องน้ำถูกแยกไว้มุมซ้ายด้านในติดกับเตียง ขณะที่มุมขวาเป็นครัวเล็กๆ เจ้าของสถานที่เชิญทุกคนนั่ง... เฟร็ดกับฟรีเซียนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ สองในสี่ผู้มาใหม่แยกมานั่งบนเตียง ส่วนอีกคู่จับจองพื้นที่โซฟา...

“ชาครับ...” คนผมเทาดีดนิ้วเป๊าะ... ถ้วยชาสีขาวขอบทองบรรจุน้ำสีทองอ่อนควันฉุยเจ็ดถ้วยพร้อมจานรองปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน

“รสห่วยเหมือนเดิมเลยว่ะ ธอธ... หาแฟนซักคนน่าจะช่วยได้นะ...” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลดำยุ่งเหยิงบนเตียงกระเซ้า

“อากิระ...” ชายหนุ่มผมสีเดียวกันข้างตัวปรามเสียงดุ...ดวงตาสีเขียวเข้มมองเขาอย่างตำหนิ

“ขอโทษครับ พ่อ” อากิระ พูดหากแต่ดวงตาสีมรกตยังคงวิบวับพลางลอบมองเพื่อนที่ยืนทำหน้าไม่ถูกพลางนึกขำ

“ไม่เป็นไรครับ คุณ เวนซ์... ผมจะคิดซะว่าถูกหมามันเห่าใส่...” ธอธหันไปยิ้มให้บุรุษผมน้ำตาลขณะที่อากิระหัวเราะเบาๆอย่างไม่ถือสา

“จริงสิ...คุณ เดนนิส แล้วคิโอะล่ะครับ” ฟรานเซสหันไปทางคู่บุรุษสตรีบนโซฟา

“ฝากไว้ที่บ้านเวนซ์นั่นแหละ... คงต้องรบกวนแล้วล่ะนะ...” ชายผมดำชี้นิ้วโป้งไปทางเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างลูกชายตรงอีกฟากห้อง

“นายกับ ชูอา ก็เหมือนครอบครัวของฉัน เรื่องแค่นี้เล็กน้อยน่า” เวนซ์ว่า “อีกอย่าง... คิโอะลูกนายกับโอกิลูกฉันเขาก็สนิทกัน ให้มาอยู่ด้วยกันจะได้ไม่เหงา”

“พวกเขามาแล้วค่ะ...” คนผมชมพูข้างเดนนิสพึมพำหลังจากหลับตาใช้สมาธิอยู่ครู่หนึ่ง...มีเสียงเคาะประตูก่อนที่ธอธจะเดินไปเปิดอย่างระแวดระวังเผยให้เห็นว่ากลุ่มผู้มาเยือนเป็นชายห้าคน หญิงห้าคน...ฝ่ายชายสวมชุดพอดีตัวสีขาวขณะที่ฝ่ายหญิงอยู่ในชุดทะมัดทะแมงสีดำ แต่ทุกคนมีสิ่งที่เหมือนกันคือดวงตาเรียวคมสีแดงและรอยสักรูปมังกรบนหลังมือขวา

“ท่านธอธ โอโรน่า... พวกเรามาในนามของท่าน มังกรตะวัน และท่าน มังกรแสงจันทร์ เพื่อเป็นกำลังให้กับท่าน” ชายคนหนึ่งก้าวเท้าออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าวก่อนพูด “พวกเรายินดีสละกระทั่งชีวิตเพื่อให้พวกท่านบรรลุเป้าหมาย...”

“ดาว ฟูราด โคจรเข้าเขตตรามนตร์เคลื่อนย้ายแล้วค่ะ...” ฟรีเซียว่าพลางก้มลงมองตลับทรงกระบอกแบนในมือเพื่อความแน่ใจ

“ไปกันได้แล้วล่ะ” เวนซ์ลุกขึ้นเดินนำทุกคนออกมานอกบ้านแล้วดีดนิ้วเรียกพลองเหล็กสีนิลคู่กาย อากิระชักดาบสีเงินปลาบจากฝักข้างเอว เดนนิสชูมือขึ้นรับคทาด้ามขาวหัวลูกแก้วสีฟ้าที่ปรากฏขึ้นในอากาศว่างเปล่า มือของชูอาเรืองแสงสีชมพูด้วยคลื่นพลังจิต ดาบคู่ของฟรานเซส กระชับในมือขณะที่โซ่เงินของฟรีเซียก็พร้อมโจมตี ธอธหยิบคันธนูรวมทั้งกระบอกบรรจุลูกธนูอาบยางไม้พิษซึ่งแขวนไว้ข้างประตูขึ้นพาดบ่าก่อนจะร่ายเวท... ตรามนตร์เคลื่อนย้ายแบบเดียวกับที่ฟรีเซียเคยใช้สว่างขึ้นใต้เท้าของทุกคน และพาเหล่าผู้กล้าไปสู่ภารกิจอันตรายที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต...

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เย้ๆ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ...

วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552

[A-Review] School Days เธอ...ฉัน...ในวันฟ้าคราม

และแล้วเราก็มาเปิดบล็อกรีวิวการ์ตูนกันอย่างเป็นทางการ...ฮ่าๆๆ

เริ่มด้วยเรื่องแรก...School Days เธอ...ฉัน...ในวันฟ้าคราม

คิดว่าหลายๆคนในคณะคงรู้จักเรื่องนี้กันบ้างแล้ว (หลังจากเราที่ไปเผยแพร่เชื้อเอาไว้ หุหุ)

เป็นเรื่องที่เหมาะสมกับคำว่า "โมเอะหลอกลวง" เรื่องหนึ่ง...

ว่าโดยสรุปกับดีกว่า...การ์ตูนเรื่องนี้มันดียังไงนะ...

ตัวละคร

1. อิโต้ มาโคโตะ (ไอ้โตะ)

หนุ่มหล่อ (?) ขวัญใจสาวๆใน รร (?) ช่างมันแล้วกัน เอาเป็นว่าไอ้หมอนี่ตอนต้นเรื่องก็ดูเป็นหนุ่มติ๋มๆดีอยู่หรอก แต่พอกลางๆเรื่อง he ก็...

2. ไซอนจิ เซไค

สาวผมประบ่า เจ้าของเสาอากาศหนึ่งอัน กล้า มั่นใจในตัวเองสูง เป็นเพื่อนสนิทของไอ้โตะเพราะนั่งที่ติดกัน (จริงๆเปล่า แต่เธอแลกที่กับเซ็ทสึนะ เพื่อนสนิทของเธอ) เป็นคนสอนให้ไอ้โตะรู้จักวิธีปฏิบัติ (?) กับผู้หญิง ลึกๆแล้วแอบชอบโตะ

3. คัทสึระ โคโตโนฮะ

สาวผมยาว ชื่อแปลก มีเสาอากาศสองอันชี้ออกมาข้างๆ เป็นโรคกลัวผู้ชาย เพราะ ปมด้อยที่เคยถูกผู้ชายล้อเรื่องหน้าอกคัพ J แอบชอบไอ้โตะอยู่เช่นกัน

4. คิโยวระ เซ็ตสึนะ

สาวผมสั้น หน้าตาเฉยเมยกับทุกสถานการณ์ เป็นหัวหน้าห้อง มักจะมีลูกน้อง (?) ที่ไม่เคยเห็นหน้า ชื่อ ทานากะ ติดสอยห้อยตามอยู่เสมอ พอตอนเตรียมงานโรงเรียน เซ็ทสึนะบอกว่าทานากะประสบอุบัติเหตุแขนหัก และจากนั้นเราก็ไม่เห็นเขาอีกเลย...(โถ..) แอบชอบโตะเช่นกัน

5. คุโรดะ ฮิคาริ

สาวผม...เอิ่ม...ช่างมัน ชอบไทสุเกะไม่ใช่เหรอ!!! (แล้วทำไมถึงทำกับฉันได้~)

6. คันโรจิ นานามิ

สาวห้าว สมาชิกชมรมบาสฯ รู้สึกจะมีบทบาทมากขึ้นใน Cross Days มั้ง เป็นหนึ่งในสองคนที่ไม่เสร็จไอ้โตะ (แต่ she เสร็จ...)

7. ซาวานากะ ไทสุเกะ

เพื่อนสนิทไอ้โตะ ตอนแรกก็ดูรั่วๆ แต่แกนะแก...ตอนงานโรงเรียน แกนะแก...อ๊ากกกก!!!

8. คาโต้ โอโตเมะ

เพื่อสมัย ม.ต้น ของไอ้โตะ แอบชอบไอ้โตะตั้งแต่ตอนนั้น พยายามกันเซไคกับโคโตโนฮะออกไป แต่แล้ว she ก็มาตาสว่าง (ซะที)

9. เพื่อนๆ ของโอโตเมะ

มาเป็นตัวแถม เสริมบารมี (ความเลว) ให้ไอ้โตะ


*************************************


มาว่ากันที่เนื้อเรื่อง...

เดี๋ยวมาต่อแล้วกัน ฮ่าๆๆ